Folgen

  • KResearch: วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจรายสัปดาห์ | 7 มี.ค. 2565

    คาดสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียยูเครนยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง ขณะที่ ราคาน้ำมันพุ่งเหนือ 130$/barrel

    - สัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียยังคงโจมตียูเครนต่อเนื่อง แม้จะมีการเจรจากันแล้วถึงสองครั้งและมีการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นจากชาติตะวันตก ขณะที่ยูเครนได้สมัครเข้าเป็นสมาชิก EU ท่ามกลางสถานการ์ณความวุ่นวายดังกล่าว ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเผชิญปัจจัยกดดันและปรับลดลงจากสถานการณ์ดังกล่าว
    - ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น และจีนลดลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน โดยบรรยากาศการซื้อขายในจีนได้รับปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากดัชนี PMI ที่ออกมาปรับตัวลดลงจากนโยบาย Zero Covid-19 ด้านตลาดหุ้นไทยปรับร่วงลงหนักในท้ายสัปดาห์ โดยมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสูง โดยสธ.มองว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเริ่มลดลงในช่วงปลายเดือนพ.ค. ทั้งนี้ นลท.ต่างชาติยังซื้อสุทธิ
    - ตลาดหุ้นยุโรปปรับร่วงลงหนักในรอบ 1 ปี เนื่องจากยุโรปต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ค่าเงินยูโรดิ่งลงหนักในรอบเกือบ 2 ปี นอกจากนี้ ตัวเลขค้าปลีกยังออกมาอ่อนแอกว่าคาด ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงเช่นกัน แม้ว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากถ้อยแถลงของประธาน Fed ที่ระบุว่ามีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ยังออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่องตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 678,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.8%
    - นักลงทุนยังเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำโดยราคาทองคำปิดใกล้ระดับ 2,000 $/oz ขณะที่ราคาน้ำมัน Brent และ WTI ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 20% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 $ / barrel
    - เงินเฟ้อไทยเดือนก.พ เพิ่มขึ้น 5.2% สูงสุดในรอบ 13 ปี ปัจจัยกดดันหลักมาจากราคาน้ำมันและราคาอาหารที่สูงขึ้น ทั้งนี้ภาครัฐกำลังเตรียมกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าสถานการณ์เงินเฟ้อมีแนวโน้มจะสูงเกินกรอบเป้าหมายของธปท. ที่ 3% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565
    - ปัจจัยติดตามวันนี้ ได้แก่ 1) สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียยูเครน (การเจรจาครั้งที่ 3/การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก) 2) ตัวเลขส่งออกนำเข้าของสหรัฐฯ รวมถึง GDP ไตรมาส 4 ของยุโรปและญี่ปุ่น 3) การประชุม ECB

  • KResearch: วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจรายสัปดาห์ | 28 ก.พ. 2565

    ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังเสี่ยง...รอติดตามสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และสัญญาณดอกเบี้ยจากถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส

    - ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกค่อนข้างผันผวนในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีแรงเทขายหุ้นอย่างหนักหลายตลาดท่ามกลางความขัดแย้งที่มีสัญญาณรุนแรงขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังรัสเซียเปิดฉากใช้กำลังทางการทหารกับยูเครน
    -ประเด็นรัสเซียและยูเครนนี้ยังคงลากยาวต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งสหรัฐฯ และชาติตะวันตกประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม โดยล่าสุด มีการประกาศตัดธนาคารของรัสเซียบางแห่งออกจากระบบ SWIFT
    -ราคาทองคำปรับตัวผันผวนตามสถานการณ์รัสเซียและยูเครน โดยราคาเคลื่อนไหวในกรอบเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ในระหว่างสัปดาห์ ก่อนจะเผชิญแรงเทขายกลับลงมาปิดต่ำกว่าแนวดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ หลังมีรายงานข่าวว่า อาจจะมีการเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
    -ราคาน้ำมัน BRENT และ WTI ทะลุ 100 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วรับข่าวรัสเซียบุกโจมตียูเครน ก่อนจะเผชิญแรงเทขายทำกำไรก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามความเป็นไปได้ของการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเพื่อหาทางออกระหว่างรัสเซียและยูเครน
    - บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น โดยยีลด์อายุ 10 ปี ปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ระดับ 1.991% ขณะที่ยีลด์อายุ 30 ปีปรับขึ้นไปที่ระดับ 2.294%
    - ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) สถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน 2) ถ้อยแถลงของประธานเฟด 3) ข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย และ 4) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ

  • Fehlende Folgen?

    Hier klicken, um den Feed zu aktualisieren.

  • KResearch: วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจรายสัปดาห์ | 21 ก.พ. 2565

    สินทรัพย์ปลอดภัยยังมีโอกาสปรับขึ้น ตามสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนที่อาจดันน้ำมันเข้าหา 100 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล

    - ตลาดหุ้นเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ เผชิญแรงเทขายในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลจากหลายปัจจัย อาทิ การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ในสถานการณ์ของยูเครน
    - เงินดอลลาร์ฯ ถูกกดดันในช่วงแรกจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยเฟดที่บันทึกการประชุมเฟดสะท้อนว่า จะดำเนินการตามข้อมูลที่เห็นในแต่ละรอบการประชุม แต่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวกลับช่วงปลายสัปดาห์ จากปัจจัยความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งทำให้มองว่าเงินดอลลาร์ฯ เป็นสกุลเงินปลอดภัย
    - บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในช่วงแรก ก่อนที่จะลดลงในช่วงปลายสัปดาห์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนท่ามกลางจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน นอกจากนี้ ทองคำก็เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ปลอดภัยที่ขยับขึ้นด้วยเช่นกัน โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม และระหว่างสัปดาห์ราคาทองคำทะยานข้ามแนว 1900 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ ก่อนจะย่อตัวลงตามแรงขายทำกำไรท้ายสัปดาห์ ด้านราคาน้ำมันขยับขึ้นจากวิกฤตยูเครน แต่กรอบขาขึ้นจำกัดเนื่องจากความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ำมัน
    - สถานการณ์ติดตามสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) สถานการณ์ยูเครน โดยเฉพาะโอกาสที่รัสเซียอาจบุกยูเครน ซึ่งอาจกระทบราคาน้ำมันให้กลับไปที่ 95 และ 100 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล 2) จีดีพีไตรมาส 4/2564 ของไทย 3) สถานการณ์โควิดในไทยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโอมิครอนยังเพิ่มต่อเนื่อง 4) ข้อมูลเงินเฟ้อ PCE/Core PCE ของสหรัฐฯ

  • KResearch: วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจรายสัปดาห์ | 14 ก.พ. 2565

    ปัจจัยสัปดาห์นี้ ยังติดตามวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน และแนวโน้มคุมเข้มดอกเบี้ยของสหรัฐฯ กันต่อเนื่อง

    - ตลาดหุ้นเอเชียและยุโรปปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากปัจจัยเฉพาะของแต่ละตลาด เช่น ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งหนุนหุ้นญี่ปุ่นและยุโรป ขณะที่ตลาดหุ้นจีนได้รับแรงซื้ออย่างแข็งแกร่งหลังจากที่ตลาดกลับมาเปิดทำการอีกครั้งหลังหยุดในช่วงตรุษจีน โดยมีปัจจัยบวกจากความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยมีแรงซื้อสุทธิอย่างมากจากนลท.ต่างชาติ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารและ ICT
    - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลดลงรายสัปดาห์จากแรงกดดันเรื่องวิกฤตยูเครน และการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาพุ่งขึ้นมากกว่าตลาดคาด (เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนม.ค. 65 พุ่งขึ้น 7.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีมากที่สุดในรอบ 40 ปี) นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรกด้วยเช่นกัน
    - ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับขึ้น บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก.ค. 2562 หรือสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่ช่วงต่างระหว่างยีลด์อายุ 2 ปีและ 10 ปี แคบลง (Flattening Yield Curve) ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดพันธบัตรได้รับรู้ข่าวการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไปค่อนข้างมาก
    - ดอลลาร์ฯ แข็งค่า จากเรื่องวิกฤตยูเครน-รัสเซียและโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ขณะที่เงินบาทแข็งค่าจากเงินทุนไหลเข้าโดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น และหุ้นไทย
    - ด้านราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ราคาน้ำมันยังบวกได้ต่อเนื่องเช่นกัน WTI และ Brent ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี จากปัจจัยความไม่สมดุลของภาวะอุปสงค์และอุปทานน้ำมัน และสถานการณ์ตึงเครียดของยูเครน
    - ประเด็นสำคัญของไทยในสัปดาห์ที่แล้ว เป็นการประชุม กนง. ซึ่งคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาดการณ์ที่ 0.50% และมีมุมมองว่าเงินเฟ้อจะสามารถชะลอลงได้ในครึ่งปีหลัง โดยค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อทั้งปีจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3%
    - สัปดาห์นี้ ประเด็นติดตามอยู่ที่ 1) การประชุมครม. เกี่ยวกับมาตรการดูแลราคาพลังงาน 2) ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ Fed 3) ตัวเลขเงินเฟ้อของจีน 4) วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน และ 5) สถานการณ์โควิด-19

  • ภาษีคริปโทฯ กฎกติกาที่นักลงทุน...ต้องรู้

    สมัครสมาชิกอ่านฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่: https://www.kasikornresearch.com/TH/subscription/Pages/online-application.aspx?ID_Package=211

  • KResearch: วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจรายสัปดาห์ | 7 ก.พ. 2565

    ตลาดหุ้นสัปดาห์หนี้ รอติดตามผลประกอบการ บจ. ต่อเนื่อง เงินเฟ้อของสหรัฐฯ และการประชุม กนง. ครั้งแรกของปี

    - ตลาดหุ้นสัปดาห์ก่อน เน้นความสนใจไปที่การรายงานผลประกอบการ บจ. เงินเฟ้อที่ส่งผลต่อมุมมองการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปปิดลดลงจากความกังวลต่อทิศทางการคุมเข้มนโยกายการเงินจากการประชุมธนากลางยุโรปและการขึ้นดอกเบี้ยของทางธนาคารกลางอังกฤษ ด้านสหรัฐฯ ได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อเนื่อง
    - ราคาทองคำปรับขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. 2564 หลังข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดี
    - ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง มาอยู่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล โดยการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ยังคงยึดการเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนเดิม แม้สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรจะหนุนการเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องพายุฤดูหนาวที่ค่อนข้างรุนแรงในสหรัฐฯ เพิ่มเติมซึ่งทำให้ปัญหาความไม่สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์น้ำมันรุนแรงขึ้น
    - ECB คงนโยบายอัตราดอกเบี้ย แต่เตรียมยุติ QE ตามกำหนดเดิมในเดือน มี.ค.2565 ซึ่งหนุนเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ ขณะที่ ธ.กลางอังกฤษ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สองในรอบสามเดือนจาก 0.25% มาที่ 0.50% รวมถึงปรับลดขนาดงบดุล เพื่อดูแลปัญหาเงินเฟ้อ
    - ปัจจัยติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) การประกาศผลประกอบการ บจ. 2) การดำเนินนโยบายธนาคารกลาง โดยเฉพาะ กนง.ในวันพุธ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด 3) ข้อมูลเศรษฐกิจ อาทิ เงินเฟ้อสหรัฐฯ 4) สถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนและรัสเซีย 5) สถานการณ์โอมิครอนในไทยที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
    - เงินบาทสัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-33.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ

  • Green Bond ตราสารหนี้เพื่อโลกสีเขียว โอกาสในการระดมทุน ที่ตอบโจทย์เทรนด์ลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม

    สมัครสมาชิกอ่านฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่: https://www.kasikornresearch.com/TH/subscription/Pages/online-application.aspx?ID_Package=211

  • KResearch: วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจ | 31 ม.ค. 2565

    ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้เล็งปัจจัยใหม่ หลังรับรู้ข่าวเฟดขึ้นดอกเบี้ยไปมากแล้ว

    - ตลาดหุ้นภูมิภาค และไทยปรับขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน หลังตลาดทยอยรับรู้ข่าวการขึ้นดอกเบี้ยเฟดและการทยอยปรับลดงบดุล
    - ตลาดยุโรปปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่สี่ติดต่อกัน เนื่องจากกังวลว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ความตึงเครียดในยูเครน และข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่อ่อนแอ
    - ตลาดสหรัฐฯ แกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ในช่วงปลายสัปดาห์จะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังผลประกอบการหลาย บจ.ออกมาค่อนข้างดี ด้านตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ ไตรมาส 4/2564 ออกมาดีกว่าคาด
    - ราคาทองคำในสัปดาห์ก่อนปรับตัวลดลง โดยถูกดดันจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด ยังช่วยต้านการปรับลงของราคาทองคำ
    - ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยยังมีแรงหนุนจากแนวโน้มอุปทานตึงตัว ขณะที่ OPEC+ จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมต้นเดือน ก.พ. กอปรกับมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน
    - ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษที่สำคัญหลายตัว 2) ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป อังกฤษ 3) สถานการณ์ความตึงเรียนระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ/ยุโรปในยูเครน 4) สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดในและต่างประเทศ

  • วิกฤติโลก...วิกฤติเรา ลด-แยกขยะ…ช่วยโลก ช่วยเรา

    สมัครสมาชิกอ่านฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่: https://www.kasikornresearch.com/TH/subscription/Pages/online-application.aspx?ID_Package=211

  • KResearch: วิเคราะห์ข่าวเช้าเศรษฐกิจ | 24 ม.ค. 2565

    ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลต่อโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของหลายประเทศในปีนี้...สัปดาห์นี้รอติดตามผลการประชุมเฟด

    -การคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หนุนบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดรอบ 2 ปี ก่อนจะย่อตัวลงบางส่วนในวันศุกร์ และปิดที่ระดับ 1.75% บอนด์ยีลด์ที่ขยับขึ้นกดดันสินทรัพย์เสี่ยง กระตุ้นแรงขายในตลาดคริปโตฯ แต่หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
    -หุ้นเอเชียย่อตัวลงตามตลาดสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีปัจจัยกดดันเพิ่มจากการเร่งขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด ส่วนตลาดหุ้นจีนแม้มีแรงประคองจากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน แต่ก็มีแรงเทขายช่วงปลายสัปดาห์ในหุ้นกลุ่มเทคโนฯ ตามความกังวลเกี่ยวกับสัญญาณของทางการจีน ส่วนตลาดหุ้นไทยร่วงลงเช่นกัน ขณะที่ช่วงปลายสัปดาห์มีแรงขายนำในหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4
    - ด้านตลาดหุ้นฝั่งยุโรปปรับลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงกดดันหนักของหุ้นบางตัว ซึ่งกดดันบรรยากาศของตลาดในภาพรวม ประกอบกับมีแรงขายทำกำไรก่อนการประชุมเฟดสัปดาห์นี้
    -ทองคำปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สอง ขณะที่น้ำมันปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน แต่ทั้งทองคำและน้ำมันย่อตัวลงบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไร
    - จากการที่ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ KResearch คาดว่า เฟดจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. เพื่อดูแลแรงกดดันเงินเฟ้อ
    -การส่งออกปี 2564 เติบโต 17.1% เกินเป้าหมายที่ 15-16% ขณะที่ในปีนี้ KResearch คาดว่า การส่งออกจะเติบโตต่อเนื่องและเป็นแรงหนุนสำคัญต่อเศรษฐกิจ แต่อัตราการเติบโตของการส่งออกอาจชะลอลงเพราะฐานสูงในปีก่อน และโมเมนตัมที่ชะลอลงของเศรษฐกิจโลก
    - ปัจจัยติดตาม ได้แก่ 1) ผลการประชุมเฟด และ 2) ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อ (Core PCE Price Index)