Bölümler
-
สังเกตดูคนภาวนา จุดอ่อนที่สำคัญเลยก็คือไม่มีตัวรู้ที่ถูกต้อง ที่เข้มแข็ง เรื่องของสติปัฏฐาน 4 เป็นหลักสูตรการปฏิบัติ พระพุทธเจ้าท่านบอก เป็นทางสายเอก เป็นทางสายเดียวเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น ในสติปัฏฐานถ้าสังเกตให้ดี มันจะมีกิริยาสำคัญอยู่คำหนึ่งคือคำว่า “รู้” ปัญหาก็คือคุณภาพของการรู้ มันไม่ได้มาตรฐาน ภาวนาให้ตายมันก็ทำไม่ได้ ทำไมเราทำกันแทบเป็นแทบตายไม่ได้สักที ก็ยังได้กิเลสเหมือนเดิม คือคำว่า “รู้” นี้มันเข้าใจยาก ใครๆ ก็ชอบคิดว่าตัวเองรู้ ทั้งๆ ที่กำลังหลงอยู่ก็ว่ารู้อยู่ ตัวนี้ยากมาก หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 12 เมษายน 2568
-
Eksik bölüm mü var?
-
เวลาเราทำวิปัสสนา เรียนรู้ลงมาในร่างกายเรานี้ เห็นทุกข์เห็นโทษของมันเรื่อยๆ ถึงวันหนึ่งจิตก็พ้นจากกามโดยเด็ดขาด ขึ้นสูงขึ้นไป เราก็ไม่ต้องมาเป็นหนอนกินอุจจาระอีกต่อไป การภาวนาที่เหลืออยู่เป็นเรื่องของจิตใจ ทำจิตใจให้สงบด้วยการเพ่งรูป ทำจิตใจให้สงบด้วยการเพ่งนาม เราก็จะเห็นจิตใจจะไปเพ่งรูป ก็ยังไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จิตไปเพ่งนามธรรมก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ดูไปดูมาเราจะพบว่า ไม่ว่าจิตนี้จะไปเกิดในภพใดที่ใด วิเศษแค่ไหน ก็ยังหนีความทุกข์ไม่พ้น คนจำนวนมากก็คิดว่า ถ้าไปเป็นเทวดาเป็นพรหมแล้วจะไม่ทุกข์ ไม่ใช่ เกิดที่ไหนก็เป็นทุกข์ที่นั้น เกิดทีใดก็เป็นทุกๆ ที ถ้าเดินวิปัสสนาสุดขีดจะรู้เลย แล้วจะมองไปใน 3 โลกธาตุนี้ ไม่มีที่ไหนเลยที่ว่าจิตหยั่งลงไปแล้วจะไม่ทุกข์ ถ้าเห็นได้อย่างนี้ จิตจะสลัดตัวออกจากโลกทั้งหมดเลย ทั้งกามาวจรภูมิ รูปวจรภูมิ อรูปวจรภูมิ สำเร็จเด็ดขาดลงไป หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 7 เมษายน 2568
-
หลวงพ่อจะพูดภาพกว้างๆ ให้พวกเราเห็น หัวข้อที่จะพูดข้อแรกก็คือเรื่องความรู้สึกตัว หัวข้อที่สอง คือเรื่องของสมถกรรมฐาน หัวข้อที่สาม เรื่องวิปัสสนากรรมฐาน เรื่องหัวข้อที่สี่ เรื่องอริยมรรค อริยผล หัวข้อที่ห้า คือเรื่องนิพพาน เราจะไปสู่นิพพาน นิพพานเป็นสภาวะที่เราพ้นทุกข์สิ้นเชิง ฉะนั้นจะตอบโจทย์เราว่าเราจะไปสู่ความพ้นทุกข์ได้อย่าง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช โรงแรม KSL Esplanade มาเลเซีย 26 มีนาคม 2568
-
ทำกรรมฐาน แล้วคอยรู้ทันจิตตัวเองไว้ จิตหลงไปแล้วรู้ หลงไปจากอารมณ์กรรมฐานก็รู้ จิตถลำลงไปเพ่งกรรมฐานก็รู้ เห็นไหมรู้อะไร รู้จิต การที่เราทำกรรมฐานแล้วเรา คอยรู้จิตนั่นล่ะเรียกว่าจิตตสิกขา จิตตสิกขาจะทำให้เราได้สัมมาสมาธิ ได้สมาธิที่ถูกต้อง จิตตสิกขาเกิดจากการที่เรามีสติรู้เท่าทันจิตตนเอง ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง จิตหลงไปคิดแล้วรู้ จิตถลำลงไปเพ่งอารมณ์กรรมฐานแล้วรู้ รวมความแล้วต่อไปไม่ว่าจิตจะเคลื่อนไปทางไหน จะเคลื่อนไปคิด หรือเคลื่อนไปเพ่ง สติจะเกิดเอง พอเราหัดรู้เนืองๆ ซึ่งจิตใจของตนเอง รู้จิตใจตนเองเนืองๆ เรียกว่าเราฝึกอธิจิตตสิกขาอยู่ แล้วต่อไปพอจิตเราขยับเขยื้อน สติจะเกิดเอง จะเห็นโดยที่ไม่ได้เจตนาจะเห็น ถ้าเจตนาจะเห็น ยังใช้ไม่ได้ ต้องเห็นโดยที่ไม่ได้เจตนา ถ้ายังต้องจงใจเห็น ต้องพยายามเห็น เป็นกุศลที่อ่อนแอมาก กุศลที่มีกำลังกล้ามีสติเกิดอัตโนมัติ สติเกิดจากจิตจำสภาวะได้แม่น จิตจำสภาวะได้แม่นเพราะเห็นสภาวะเนืองๆ เห็นบ่อยๆ ต้องฝึก หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 23 มีนาคม 2568
-
การที่เราทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง เป็นเหยื่อล่อจิต สิ่งที่เราจะเอาจะรู้ทันคือตัวจิต มันเหมือนเราตกปลา กรรมฐานทั้งหมดคือเหยื่อตกปลา จิตคือตัวปลา เราไม่เอาเหยื่อ ใครจะไปกินไส้เดือน ใครจะไปกินแมลงกระชอน เราจะเอาปลาต่างหาก เพราะฉะนั้นทำกรรมฐานอันหนึ่ง แล้วถ้าปลาตัวนี้วิ่งมาอยู่ที่เหยื่อ อย่างจิตมันไหลไป ลงไปอยู่ที่อารมณ์กรรมฐาน เหมือนปลาวิ่งมาตอดเหยื่อแล้ว เรารู้ทัน ส่วนใหญ่พอมันมาที่เหยื่อ แล้วมันก็งับเหยื่อ แล้วไปไหนไม่ได้แล้ว อันนั้นคือพวกติดสมถะ ทำกรรมฐานไป แล้วจิตมันไหลไปที่เหยื่อ ไหลเข้าหาอารมณ์กรรมฐาน รู้ทัน จิตมันทิ้งอารมณ์กรรมฐาน หนีไปหาอย่างอื่น รู้ทัน อย่างเรานั่งหายใจเข้าพุทออกโธ จิตหนีไปคิดเรื่องอื่น มันลืมเหยื่อแล้ว มันไม่สนใจเหยื่อ ไม่สนใจกรรมฐาน ให้รู้ทัน เพราะฉะนั้นจุดสำคัญอยู่ที่การรู้ทันจิตตัวเอง จิตไปติดอารมณ์กรรมฐานให้รู้ทัน จิตหนีจากอารมณ์กรรมฐานให้รู้ทัน รู้อย่างที่มันเป็นนั่นล่ะ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 22 มีนาคม 2568
-
ถ้าเรารู้กายมีจิตเป็นคนรู้ ถ้ารู้เวทนามีจิตเป็นคนรู้ ถ้ารู้สังขารก็มีจิตเป็นคนรู้ เรารู้อย่างนี้ ไม่ว่าจะรู้อะไรก็ต้องมีจิตที่เป็นคนรู้อยู่ อย่างเราฝึกเรื่อยๆ รู้สึกๆๆ พอเราหลงไปปุ๊บแล้วสติเกิด มันรู้สึกเลยร่างกายที่นั่งอยู่ตรงนี้มันไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ร่างกายกับจิตนี่เป็นคนละอันกัน เราพยายามรู้สึกร่างกายเรื่อยๆ จนกระทั่งจิตมีแรงขึ้นมา หลงแล้วรู้ หลงแล้วรู้ไป ทำกรรมฐานไปที่เราถนัด แล้วจิตมันหลงแล้วรู้ แล้วจิตมันจะมีแรง พอจิตมีแรงขันธ์มันจะแยก พอขันธ์แยกแล้วแต่ละขันธ์ล้วนแต่แสดงไตรลักษณ์ แสดงความไม่ใช่ตัวเราทั้งนั้นเลย หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 16 มีนาคม 2568
- Daha fazla göster