Episodit
-
ถ้าดูจิตได้ ไม่นานเราก็จะเห็นจิตไม่ใช่ตัวเรา มันไม่ใช่ตัวเราเพราะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา บังคับอะไรไม่ได้ ถ้าจิตไม่ใช่เรา ขันธ์ 5 ไม่ใช่เรา ขันธ์ 5 มันก็อาศัยจิตเกิดขึ้นมา ถ้าเมื่อไรเราเห็นว่าจิตไม่ใช่เรา ขันธ์ 5 ก็จะไม่ใช่เรา โลกทั้งโลก จักรวาลทั้งจักรวาลก็ไม่ใช่เรา แล้วถ้าวันใดที่ภาวนาจนเห็นความจริงว่าจิตคือตัวทุกข์ เห็นความจริงว่าจิตคือตัวทุกข์ ขันธ์ 5 ก็คือทุกข์ โลกก็คือทุกข์ จักรวาลทั้งหมดก็คือทุกข์ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเลย จิตก็จะวางจิต วางจิตได้ก็คือวางขันธ์ได้ วางขันธ์ได้ก็คือวางโลกได้ ฉะนั้นหลุดพ้นที่จิตที่เดียวนี้เอง ก็จะหลุดพ้นจากขันธ์ 5 ทั้งหมดได้ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 3 พฤศจิกายน 2567
-
Puuttuva jakso?
-
รู้สึกตัวไว้ รู้สึกตัวไม่เป็น ภาวนาไม่ได้จริงหรอก ได้อย่างมากก็แค่ความสงบ แล้วสงบแบบลืมเนื้อลืมตัว แล้วพลิกไปเป็นมิจฉาสมาธิ เรื่องสมาธิเป็นเรื่องสำคัญ สมาธิเราไม่ถูก ไม่ได้ฝึกให้ดี เราจะถูกหลอก 2 อย่าง อันแรกเกิดนิมิต ทำความสงบไป พอจิตเริ่มสงบนิดหน่อย นิมิตมันก็จะเกิดขึ้น อีกอันหนึ่งไปเจริญปัญญาแล้วสมาธิไม่พอ จะเกิดวิปัสสนูปกิเลส ฉะนั้นถ้าสมาธิไม่ถูก สมาธิไม่พอ ไปทำสมถะโอกาสพลาดก็สูง หลงนิมิตเอา สมาธิไม่ถูก สมาธิไม่พอ ไปเดินวิปัสสนา ก็ถูกวิปัสสนูปกิเลสเอาไปกิน หลอก คิดว่าบรรลุธรรมแล้ว บางทีคิดถึงขนาดว่าเป็นพระอรหันต์แล้ว ฉะนั้นเลยต้องเรียนกันให้มากหน่อย เรื่องของสมาธิ คนที่ภาวนาแล้วพลาด ก็เรื่องพวกนี้ทั้งนั้น ภาวนาแล้วเพี้ยนบ้างอะไรบ้าง ไม่ได้เรียนถึงบทเรียนที่ชื่อจิตตสิกขา ถ้าเรียนรู้จิตตัวเองไม่ได้ สมาธิที่ดีที่สมบูรณ์เกิดไม่ได้หรอก หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 2 พฤศจิกายน 2567
-
ความเพียรชอบกับความเพียรอย่างที่เราคิดกันมันคนละเรื่องกัน ความเพียรชอบเพียรลดละกิเลสที่มีอยู่ เพียรปิดกั้นอกุศลใหม่ไม่ให้เกิด เพียรทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพียรทำกุศลที่เกิดแล้วให้เจริญให้มากขึ้น จะทำได้ก็อาศัยสติ ไม่ใช่เรื่องอื่นเลย อย่างเรามีกิเลส เรามีสติปุ๊บ กิเลสดับทันทีเลย กิเลสที่มีอยู่ดับ ในขณะที่มีสติอยู่กิเลสใหม่ก็ไม่เกิด เห็นไหมเรามีสัมมาวายามะแล้ว หรือการที่เรามีสติขึ้นมา กุศลได้เกิดเรียบร้อยแล้ว แล้วถ้าสติของเราถี่ยิบขึ้นมา กุศลเราก็จะพัฒนาขึ้นไปเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ถึงจุดหนึ่งวิมุตติก็เกิดขึ้น ความเพียรจริงๆ เป็นแบบนี้ มีสติรู้เท่าทันจิตใจตัวเองไป มันปรุงกิเลสก็รู้ทันไป มันปรุงอะไรก็คอยรู้ไป ในที่สุดจิตก็มีสัมมาวายามะ มีความเพียรชอบ ส่วนที่นั่งสมาธิเดินจงกรมหามรุ่งหามค่ำอะไรแต่ไม่ได้มีสติ อันนั้นไม่ได้มีความเพียร อันนั้นคืออัตตกิลมถานุโยค การทำตัวเองให้ลำบากโดยเปล่าประโยชน์ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช บ้านจิตสบาย 27 ตุลาคม 2567
-
หัดรู้สึกตัวไว้ พอรู้สึกตัวได้ แล้วเจริญปัญญา วิธีจะรู้สึกตัวง่ายๆ เลย จิตไหลไปแล้วรู้ ใจมันก็จะตั้งมั่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมา ใจตื่นขึ้นมาก็แยกขันธ์ กายกับจิตคนละอัน เวทนากับจิตก็คนละอัน สังขารกับจิตก็คนละอัน จิตกับจิตแต่ละดวงๆ ก็คนละดวง มันจะแยกๆๆ ออกไป แล้วจะเห็นว่าทุกอย่างเกิดแล้วดับ มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับบังคับไม่ได้ ดูไปเรื่อยๆ พอรู้จริงก็จะวาง ที่บอกว่าศีล สมาธิ ปัญญาสมบูรณ์แล้ว ก็จะเกิดอริยมรรค หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 26 ตุลาคม 2567
-
กฎข้อที่หนึ่ง ให้ความรู้สึกเกิดแล้วค่อยรู้เอา อย่าไปรอดู กฎข้อที่สอง เวลาดูดูแบบคนวงนอกไม่เข้าไปคลุกวงใน กฎข้อที่สาม หลังจากที่เราไปรู้อารมณ์แล้ว ถ้าจิตยินดีให้รู้ทัน ถ้าจิตยินร้ายให้รู้ทัน 3 ข้อนี้ก็คือช่วงเวลา 3 ช่วงของการปฏิบัติ อันแรกที่บอกว่าอย่าไปดักดู อันนี้คือก่อนที่สภาวะจะเกิดอย่าไปนั่งจ้อง อันที่สอง ขณะที่สภาวะเกิด ดูเหมือนคนวงนอกไปดู อันที่สาม เมื่อสภาวะเกิดแล้ว จิตยินดีให้รู้ทัน จิตยินร้ายให้รู้ทัน เพราะฉะนั้นก็จะมี 3 ช่วงเวลา ก่อนที่จะกระทบ ก่อนที่อารมณ์จะเกิด ระหว่างที่อารมณ์เกิด เมื่ออารมณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว เราพยายามทำตามกฎ 3 ข้อนี้ แล้วเราจะสามารถเห็นสภาวะทั้งหลายของจิตใจตามความเป็นจริงได้ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช มูลนิธิเพื่อการเผยแผ่ธรรมะภาคภาษาจีนฯ 25 ตุลาคม 2567
-
เราเป็นคนเราต้องรู้จักคำว่ากตัญญู บรรพบุรุษมีบุญคุณ คนไม่กตัญญูใช้ไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี เราอยากดูว่าคนไหนดีไม่ดี ดูว่าเขากตัญญูไหม ความกตัญญูกว้างขวาง กตัญญูต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ ใหญ่โตขึ้นมาก็คือกว้างขึ้นมาก็คือ กตัญญูกับชาติบ้านเมือง แล้วเราเป็นชาวพุทธเราก็ต้องกตัญญูกับพระพุทธเจ้าด้วย การจะกตัญญูกับพระพุทธเจ้า คือเราต้องเป็นลูกที่เชื่อฟังท่าน อะไรที่ท่านห้ามอย่าทำ อะไรที่ท่านบอกว่าควรทำต้องทำ สิ่งที่ท่านห้ามเราก็คืออย่าทำชั่ว ตั้งอกตั้งใจรักษาศีลให้ดี ให้เราฝึกจิต ให้เราเจริญปัญญา หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 23 ตุลาคม 2567
- Näytä enemmän