Episódios
-
จับหลักให้แม่นๆ ถ้าเราต้องการทำความสงบ ให้น้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์อันเดียว ที่มีความสุขอย่างต่อเนื่อง ตัวที่เป็นพระเอกในการทำสมถะ คืออารมณ์กรรมฐาน ที่เราถนัด ที่เราพอใจ อยู่แล้วสบายใจ ตัวนี้เป็นพระเอกคือตัวอารมณ์ ฉะนั้นเราก็เอาจิตเรา ไประลึกรู้อารมณ์อันนั้นไปเรื่อยๆ สงบก็ช่าง ไม่สงบก็ช่าง เรารู้อารมณ์ที่มีความสุขอันนั้น ไม่นานหรอกก็จะสงบ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 31 ธันวาคม 2567
-
เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเผชิญทุกสิ่งทุกอย่าง โดยการฝึกกรรมฐาน อ่านจิตตัวเองให้เป็น แล้วเราอยู่ในภาวะอันไหน สิ่งแวดล้อมทั้งหลาย ปรากฏการณ์ทั้งหลาย จะไม่กระเทือนเข้ามาถึงใจเรา จิตใจเราจะสงบจิตใจเราจะมั่นคง จิตใจเรามีความสุขอยู่ในตัวของตัวเอง ไม่ขึ้นกับฤดูกาล ดิน ฟ้า อากาศ ไม่ขึ้นกับระยะเวลาอะไรทั้งสิ้น ฝึกเอา อ่านจิตตัวเองไป หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 29 ธันวาคม 2567
-
Estão a faltar episódios?
-
ศีลข้อที่เสียบ่อยคือศีลข้อ 4 พูดจาที่ไม่ดีมีระดับ อันหนึ่งพูดเท็จพูดโกหก อันหนึ่งพูดส่อเสียด พูดให้เขาเกลียดกันให้เขาทะเลาะกัน ทุกวันนี้เยอะมากเลยเรื่องตัวนี้ อย่างเราไปด่าคนลงในโซเชียล พอเริ่มด่าสักคนหนึ่ง คนอื่นจะเข้าไปด่าด้วย ถูกกระตุ้น เพิ่มกระแสความเกลียดชัง ทำให้เขาขัดแย้งกันเขาแตกแยกกัน อีกเรื่องหนึ่งก็พูดคำหยาบ พูดคำหยาบก็ออกมาจากใจที่หยาบ ใจที่สำรวมระวัง ไม่พูดคำหยาบ อีกอย่างหนึ่งเรียกว่าพูดเพ้อเจ้อ พูดโดยไม่จำเป็นต้องพูด ทุกวันนี้พูดเพ้อเจ้อเยอะ เล่นทางโซเชียล เล่นอินเทอร์เน็ตกันก็เขียนเล่าโน้นเล่านี้ ถ้าเราภาวนาเราจะรู้ การพูดบั่นทอนพลังของจิต คนพูดมากๆ พลังจิตจะอ่อนลงๆ จิตฟุ้งซ่าน แล้วเราพูดเท่าที่จำเป็น หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 28 ธันวาคม 2567
-
สิ่งที่ผิดก็มี 2 อันเท่านั้น ก่อนที่จะเข้าสู่ทางสายกลาง อันหนึ่งหลงไปเที่ยวแสวงหาอารมณ์ต่างๆ เรียกว่า กามสุขัลลิกานุโยค อารมณ์ต่างๆ ล้วนแต่เรื่องกามคุณอารมณ์ทั้งนั้น อีกอันหนึ่งเป็นอัตตกิลมถานุโยค เพ่งจ้องเอาไว้ ทำตัวเองให้เนิ่นช้าให้ลำบาก ทางสายกลางก็คือต้องไม่สุดโต่งไป 2 ฝั่งนี้ อันหนึ่งลืมอารมณ์กรรมฐาน อันหนึ่งไปเพ่งอารมณ์กรรมฐาน 2 อัน ถ้าลืมอารมณ์กรรมฐานแล้วเรารู้ปุ๊บ จิตจะทรงสัมมาสมาธิทันทีเลย แต่ถ้าเพ่งอารมณ์กรรมฐานอยู่ มันยังเพ่งต่อได้อีก รู้ว่าเพ่ง เราก็ยังเพ่งได้อีก ให้รู้ทันเบื้องหลังของการเพ่ง คือความโลภ โลภะตัวเดียวนี้ล่ะ ตัวอยากดี ถ้ารู้ตัวนี้ การเพ่งก็จะดับ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 22 ธันวาคม 2567
-
ดูอย่างไรจะเห็นจิตผู้รู้ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ ง่ายๆ เลย ก็ดูจิตเดี๋ยวก็เป็นผู้รู้แล้วก็ดับ เกิดจิตดูรูป จิตดูรูปเกิดแล้วก็ดับ เกิดจิตผู้รู้ จิตผู้รู้แล้วก็ดับ เกิดจิตผู้ไปฟังเสียง จิตผู้ฟังเสียงเกิดแล้วก็ดับ เกิดเป็นจิตผู้รู้ จิตผู้รู้ก็ดับ เกิดเป็นจิตผู้คิด ได้เห็นจิตมันเกิดดับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันนี้เราไม่ได้อาศัยการดูทางเจตสิกแล้ว อันนี้ละเอียดขึ้นมา เราดูผ่านอายตนะ เกิดดับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้ารู้แจ้งเห็นจริงอย่างนี้จะวางจิต มันรู้ว่าจิตไม่ใช่ของดีของวิเศษ หลวงปู่ดูลย์ท่านเรียกว่าทำลายผู้รู้ เพราะผู้รู้นี้เป็นศัพท์เฉพาะ หมายถึงเป็นจิตที่เราพัฒนามันขึ้นมา เอามาใช้งาน ถึงอย่างไรวันหนึ่งเราก็ต้องปล่อยวาง ถ้าไม่ปล่อยวาง เราก็จะไปเกิดเป็นพระพรหม แล้วสูงสุดของผู้ปฏิบัติ ถ้ายังไม่วางจิต ก็จะไปเป็นพรหม หลวงปู่ดูลย์ท่านเคยบอกว่า ท่านพิจารณาแล้วนักปฏิบัติส่วนใหญ่เป็นผีใหญ่ ภาษาท่าน ผีใหญ่คือเป็นพรหม ภาวนาแล้วก็ไปเป็นพระพรหมกัน ต้องเดินปัญญาให้ถ่องแท้ ถึงจะเอาตัวรอดได้ “บุคคลถึงความบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา” ไม่ใช่ด้วยสมาธิ สมาธิเป็นแค่เครื่องมือตัวหนึ่ง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 21 ธันวาคม 2567
-
ถ้าเราเห็นความจริง ใจเราจะคงที่ เสถียร คงที่ไม่แกว่ง ตรงนั้นละที่เราจะมีความสุขมีความสงบ พระพุทธเจ้าบอกความสุขเสมอด้วยความสงบไม่มี คือความสงบมีความสุขมากที่สุด นิพพานคือความสงบ นิพพานคือสันติ เรียกความสงบ การปฏิบัติธรรมนั้นจะทำให้เราอยู่เหนือดีและชั่ว สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เหนือดีเหนือชั่ว เพราะเราเห็นความจริงแล้ว ดีก็ไม่เที่ยง ชั่วก็ไม่เที่ยง สุขก็ไม่เที่ยง ทุกข์ก็ไม่เที่ยง เสมอกัน เพราะฉะนั้นเวลาความสุขมา ใจก็ไม่ฟู เวลาความทุกข์มา ใจก็ไม่หดหู่ลงไป ใจสงบ มีความสงบมีความสันติในทุกๆ สถานการณ์ นี่คือสิ่งที่เราจะได้มาจากการปฏิบัติธรรม ไม่ได้ได้มาเพราะความอยาก อยากปฏิบัติอยากดีไม่ทำให้เราได้อะไรขึ้นมา แต่เราได้มาจากการเห็นความจริงของกายของใจ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 16 ธันวาคม 2567
- Mostrar mais