Episoder

  • ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ไม่มีใครที่ได้รับข้อยกเว้นในกระบวนการนี้ สิ่งต่าง ๆ จะไปได้ด้วยดีนั้นจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้คนที่สามารถประเมินได้อย่างจริงใจ ในทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน โดยเฉพาะจุดอ่อน"

    - จงเริ่มต้นที่จะเข้าใจว่าคุณและคนของคุณนั้นจะจัดการให้มันผ่านพ้นไปยังกระบวนการสร้างของวิวัฒนาการ

    - ขณะที่เวลาเจอสภาวะยากลำบาก ให้เราแนะนำเหมือนเราเป็นผู้น้อยและรับฟังสิ่งนั้นด้วย มันจะสร้างความสุขและทำให้องค์กรประสบผลสำเร็จตามไป

    - ไม่ว่าจะเป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน ทั้งสองสิ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน แต่เวลาให้ความสำคัญกับจุดอ่อนคือการให้กำจัดจุดอ่อนอย่างตรงจุดที่สุด

    - การควบคุมเป็นสิ่งอันตราย ถ้าเราไม่มีคู่มือในการควบคุมผู้คน เราจะไม่สามารถเรียนรู้ได้เลยว่า คนใดควรคุมหรือไม่ควรคุม รวมไปถึงปล่อยให้เขาเรียนรู้เอง

    - จุดอ่อนเป็นสิ่งที่ควรพัฒนา ถ้ามันสามารถพัฒนาต่อไปได้ ทั้งหัวหน้าและผู้น้อยจำเป็นจะต้องปรับตัวเข้าหากัน ไม่มีใครคนใดควรปรับอยู่คนเดียว

  • หนังสือ Eat That Frog!: 21 Great Ways to Stop Procrastinating and Get More Done in Less Time ของ Brian Tracy

    - ถ้าการผัดวันประกันพรุ่งคือกบตัวหนึ่ง เราควรกินกบตัวนั้นซะ เพราะว่าถ้ากบมันเป็นตัวขวางกั้นนี่คือคำอุปมา

    - สิ่งที่ทำให้ชีวิตเนิ่นช้าหลัก ๆ คือคิดว่าวันพรุ่งนี้คือวันที่เราจะทำสิ่งที่เราตั้งใจ ไม่ใช่วันนี้ที่เราควรทำมากที่สุด

    - ปัญหาของปัญหาก็คือปัญหาอยู่ดี การคิดว่าวันหนึ่งปัญหาจะมลายหายไป เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในสากลจักรวาล

    - กำหนดการจัดการของปัญหาชีวิตทั้งหมดในวันนี้ ไม่สร้างปัญหาถ้าเราไม่รู้เรื่องทั้งหมดของมัน แล้วค่อย ๆ แก้ไขมันไปทีละจุด

    - ทั้งนี้ การมีเวลามากขึ้นไม่จำเป็นจะต้องหาเวลาเพิ่ม แค่ลดเวลาที่ไม่สำคัญลงไป ซึ่งมันจะต้องดูว่าเวลาใดบ้างที่ไม่สำคัญเท่าที่ควร

  • Manglende episoder?

    Klik her for at forny feed.

  • มีคนมาปรึกษาว่า เรื่องมีอยู่ว่า เรากับพ่อของลูกมีปัญหากันจนถึงขั้นต้องตัดสินใจแยกทางกัน เรากับพ่อของลูกตกลงกันแล้วว่าจะบอกกับลูกว่าพ่อต้องไปอยู่กับย่า ไปดูแลย่าอะไรประมาณนี้ค่ะ เรายังไม่ได้บอกกับลูกตรง ๆ ว่าพ่อกับแม่เลิกกันแล้ว เพราะกลัวลูกจะเสียใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่เลิกกัน เราจบกันด้วยดีนะคะ เรายังคงติดต่อกันเรื่องลูกอยู่ เขาก็โทรหาลูก วันหยุดก็มาหาลูกปกติ ทุกครั้งที่เข้ามาหาลูกเขากลับไปลูกก็แอบร้องไห้คนเดียวทุกครั้ง เพราะคิดถึงพ่อ เราก็เข้าไปกอดและคุยกับเขาทุกครั้ง ลูกก็จะถามกับเราตลอดว่าทำไมพ่อไม่มานอนกับเรา เราก็ไม่รู้ว่าจะตอบลูกไปว่ายังไง จะบอกไปตรง ๆ ว่าเลิกกันแล้วหรือว่ายังไงดีคะ พอจะมีวิธีพูดหรืออธิบายแบบไหนเพื่อให้ลูกเสียใจน้อยที่สุดไหมคะ ตอนนี้ลูกเราอายุ 5 ขวบค่ะเป็นผู้หญิง

    - ให้ลองสังเกตลูกของเราก่อนว่า เขานิสัยเป็นอย่างไร ติดพ่อ รักพ่อ รวมไปถึงชอบอยู่กับใครมากกว่า

    - การเลิกกันของพ่อแม่ ก็คือการเลิกกันของพ่อแม่ ส่วนลูกยังคงเป็นลูกพ่อและแม่เหมือนเดิม ให้เน้นย้ำกับลูกฟังเมื่อถึงเวลาที่สมควร

    - เด็กบางคนไปเชื่อมโยงว่าพอแม่และพ่อไม่ได้รักกัน ก็อาจจะส่งผลทำให้เด็กกลัวว่าจะไม่รักเขาไปด้วย ซึ่งมันก็มีส่วนเป็นไปได้ในความรู้สึกส่วนลึก

    - เด็กทุกคนมีการสังเกตอยู่แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์กำลังจะเกิดขึ้น รวมไปถึงเกิดขึ้นไปแล้ว ระยะทำใจจึงจำเป็นต้องปล่อยให้เด็กแต่ละคนเยียวยาตัวเองส่วนหนึ่ง

    - ทั้งนี้ ไม่ต้องไปคิดแทนลูกของเรา ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจในวันนี้ แต่วันหนึ่งเขาย่อมต้องเข้าใจ ให้เราที่อยู่ในฐานะพ่อแม่ ทำอย่างสิ่งที่ปรารถนาจะดีกว่า ทุกสิ่งจะเดินไปอย่างสิ่งที่ควรจะเป็นเอง

  • ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "มันไม่จำเป็นต้องหาสิ่งใดมาโน้วน้าวเพื่อที่จะเชื่อว่าเราชาญฉลาดและมีสุขภาพที่ดี แต่มันจะต้องใช้ข้อเท็จจริงอย่างยิ่งเพื่อที่จะโน้วน้าวที่จะเชื่อสิ่งตรงกันข้าม - Dan Gilbert"

    - แง่มุมของคนที่ชาญฉลาดหรือมีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะมีสติรู้ตัวและไม่ค่อยชื่นชมตัวเองอะไรมาก

    - แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง เราอาจจะต้องใช้ข้อมูลมากมายเพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเองว่า เราอาจจะไม่ได้ฉลาดหรือมีชีวิตที่ดีขนาดนั้น

    - เมื่อสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น สิ่งหนึ่งย่อมเกิดขึ้นตาม ถ้าเรารู้อะไรมากจริง ๆ แบบของจริงเลย เราจะทำความเข้าใจอะไรอย่างง่ายดาย

    - บางทีคนที่ดื้อด้านที่สุดอาจจะไม่ใช่คนที่มีชีวิตที่ดี แต่เป็นคนที่มีชีวิตที่ไม่ค่อยดี แล้วปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นก็ได้

    - ทั้งนี้ การโน้มน้าวใครก็ตาม ไม่ใช่เรื่องที่จะคิดแบบตื้น ๆ ได้เลย เราจำเป็นจะต้องขบคิดถึงปัญหา สาเหตุ รวมไปถึงผลลัพธ์ของทางที่จะโน้มน้าวไปด้วย

  • หนังสือ The Myth of Normal: Trauma, Illness, and Healing in a Toxic Culture ของ Gabor Maté and Daniel Maté

    - เมื่อยุคสมัยของความเป็นปกตินั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง มันจะหมายถึงอย่างไรถ้าเราผิดปกติ

    - การพูดถึงคำว่าปกตินั้น มักจะพูดอยู่กรอบแคบว่า เราต้องเป็นเหมือนคนในสังคมถึงจะปกติ แต่จริง ๆ ทางจิตวิทยาไม่ได้เป็นแบบนั้น

    - สุขภาพของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน สภาพแวดล้อม ความคิด รวมไปถึงจิตใจก็เป็นส่วนที่สำคัญที่จะเข้าใจตัวเราเองว่าสิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นย่อมมีเหตุผลเสมอ

    - การเปลี่ยนแปลงของความคิดและจิตใจ ก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้ที่จะมีพันธะ กับความเป็นเนื้อแท้ของสรรพสิ่ง เพราะชีวิตจะขาดการยอมรับและการค้นหาตัวเองไปไม่ได้

    - สิ่งใดเกิดขึ้นกับความคิด อารมณ์ และจิตใจของเราล้วนเป็นเรื่องปกติสามัญ ถ้าเราไม่ไหวที่จะเป็นแบบนี้ก็ขอให้ปรึกษาคนที่ปรึกษาได้ วัฒนธรรมที่เป็นพิษจะทำให้เราแย่ลงได้

  • มีคนมาปรึกษาว่า ช่วยหน่อยค่ะพอดีพ่อเป็นคนหัวโบราณมาตั้งแต่เด็ก ขนาดเราทาปากก็ยังไม่ชอบ ล่าสุดตอนปี 4 กำลังจะเรียนจบมาฝึกงานแล้วค่ะ พ่อก็ยังไม่ให้มีแฟน เราก็ไม่กล้าบอกว่าเรามาพักบ้านแฟน จนตอนนี้พ่ออยากเห็นว่าพักที่ไหนอย่างไร เราควรทำยังไงดีคะ บอกไปตรง ๆ ก็กลัวได้จ่ายค่าเทอมเอง พ่อเคยบอกว่าถ้ามีแฟนก็จะให้จ่ายค่าเทอมเอง คือที่บ้านแฟนดีมากยอมให้เอาแมวมาอยู่ด้วย แม่แฟนใจดีมาก เราก็ลองถามแม่หลายรอบแล้วว่าจะบอกพ่อเรื่องนี้ยังไงดี แม่บอกว่าอย่าบอกเลยเดี๋ยวพ่ออาละวาด เราก็งงว่าทำไมต้องขนาดนั้น ล่าสุดก็จะมาให้ได้เลย ทำยังไงดีคะคิดไม่ออกแล้ว คือถ้าบอกไปจริง ๆ ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง เราคบกับแฟนมา 1 ปี ปิดพ่อมาตลอด บอกมานอนบ้านเพื่อนตลอดเลย และไม่เคยบอกเลยว่ามีแฟนค่ะ แต่จริง ๆ เราก็ผิดเองที่ไม่กล้าพูดกับพ่อเลย มันเลยเป็นปัญหาใหญ่มาก ๆ ในตอนนี้ เครียดมากเลยค่ะ

    - ถ้าพ่อเราเป็นคนหัวโบราณ เราก็อาจจะต้องปรึกษาแม่ แต่ถ้าแม่เตือนแล้วว่าอย่าไปบอกก็จงอย่าบอก

    - เมื่อชีวิตเหวี่ยงบางสิ่งให้เป็นโจทย์ยาก นั่นคือคนในครอบครัว มันจึงเป็นทั้งโจทย์และบททดสอบที่ยากอย่างยิ่ง

    - ให้เวลากับพ่อ และให้เวลากับตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปเร่งรีบที่จะต้องบอก ถ้าพ่อต้องการมาหาจริง ๆ ก็อาจจะต้องเตรียมแผนรับมือ

    - หากเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำ เราพร้อมจริง ๆ เรารู้ว่าปัญหามันจะเกิดขึ้นใหญ่โตมาก ก็ต้องลองชั่งน้ำหนักดู เพราะคำว่าได้อย่างเสียอย่างมันมีอยู่จริง

    - บางครั้งความผิดอาจจะเป็นตัวเราเองที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนเป็นพ่อเป็นแม่ชอบวิตกกังวลไปก่อนว่าปัญหามันจะเกิดขึ้น นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พ่อแม่ย่อมมองเราเป็นเด็กอยู่เสมอ

  • ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เราจะสามารถสร้างอีก 60 วินาทีข้างหน้าให้สมบูรณ์แบบเทียบเท่ากับเวลาในตอนนี้ได้หรือไม่"

    - แม้ว่าอีกวินาทีข้างหน้า เราก็มิอาจจะไปดึงรั้งสิ่งใดให้หยุดอยู่กับที่ได้เลย

    - จิตใจ ความคิด หรือแม้กระทั่งร่างกายก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ในอีก 1 นาทีข้างหน้านี้

    - ลองสังเกตความสุขที่กำลังผ่านพ้นไปในแต่ละนาที เราจะสัมผัสได้ถึงความรวดเร็วของห้วงเวลา และอยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้ให้นานที่สุด

    - กลับกันเรื่องของความทุกข์ เราก็อยากจะให้เวลาผ่านไปรวดเร็ว การอยู่กับความทุกข์แค่ 1 นาทีก็อาจจะเหมือน 1 ชั่วโมงหรือ 1 วันกันเลยทีเดียว

    - ไม่มีสิ่งใดคงเดิม และไม่มีสิ่งใดคงทนถาวร ทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากวันนี้ถึงวันข้างหน้า ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมถ้าเราสังเกตให้ละเอียดถี่ถ้วน

  • หนังสือ Who’s Raising the Kids?: Big Tech, Big Business, and the Lives of Children ของ Susan Linn

    - ใครกันแน่ที่กำลังเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ลูก หรือผู้คนที่กำลังเกิดมาใหม่เรื่อย ๆ ก็ตาม

    - การแย่งเวลาทั้งหมดเพื่อให้เราสนใจสิ่ง ๆ หนึ่งย่อมทำให้คน ๆ หนึ่งสูญเสียเวลาส่วนรวมไป ก็จะส่งผลอย่างมหาศาลตามมา

    - ไม่ว่าจะเป็นการตลาด เกมส์ สื่อโซเชียล และหนังภาพยนตร์กำลังจะมาทำให้เด็กคนหนึ่งสามารถอยู่กับที่ได้ โดยที่พ่อแม่ไม่ลำบากจริงหรือไม่

    - ยุคนี้พ่อแม่ก็อาจจะหยิบยื่นสื่อการเรียนรู้ให้เด็กเรียน เล่น และเสพ โดยที่หารู้ไม่ว่าผลที่ตามมาอาจจะเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้เลยก็เป็นได้

    - ทั้งนี้ ไม่มีคำว่าผิดหรือถูกในการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง เพราะเด็กทุกคนจะมีตัวตนของเขาเอง เขาสามารถเลือกได้ว่าจะปฏิเสธหรือจะยอมรับสิ่ง ๆ หนึ่งเสมอ

  • มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีค่ะ ขออนุญาตปรึกษาหน่อยค่ะ คือหนูมีแฟนอยู่กินกันมา 1 ปีนิด ๆ แฟนมีลูกติด 1 คน ส่วนหนูเคยมีสามีแต่งงานมาแล้ว 7 ปี แล้วก็เลิกกันไปค่ะ หนูเองที่บ้านค่อนข้างมีฐานะ พ่อแม่มีให้ทุกอย่าง บางส่วนหนูหาเองก็มีบ้านหนึ่งหลัง กับที่ดินอีกหนึ่งแปลงค่ะ ส่วนแฟนกลับไม่มีอะไรเลยค่ะ ปัญหามีอยู่ว่า หนูได้ขออนุญาตครอบครัวให้แฟนมาช่วยทำงานที่บ้าน ในฐานะลูกจ้างแต่ก็ช่วยงานบ้านได้เต็มที่นะคะ คือแม่หนูกลับอยากให้แม่ฝ่ายชายพูดคุยเรื่องแต่งงานค่ะ โดยแม่บอกไปแล้วว่า ถ้าลูกชายขยันจะไม่เอาสินสอดเลยก็ได้ ขอแค่แม่ฝ่ายชายเข้ามาคุยด้วยหน่อย แต่แม่ฝ่ายชายไม่ยอมมาและให้เหตุผลว่า ไม่มีเงินแล้วก็จะขอเงินหนูเพื่อเป็นค่าเดินทางพร้อมกับเงินผูกแขน ซึ่งหนูไม่โอเคค่ะ แฟนก็พูดกับแม่ของเขาให้มานะคะ แต่แม่เขาก็ไม่ยอมมา แบบนี้หนูควรทำยังไงดีคะ ตอนนี้กังวลนิดนึงค่ะ

    - ถ้าเราอยากให้อีกฝ่ายชัดเจน ก็อาจจะต้องเริ่มต้นจากการชัดเจนก่อน แต่ถ้าเราชัดเจนไปแล้วเขาไม่ชัดเจนกลับก็ให้คิดใหม่

    - เมื่อเริ่มอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ เราก็มักจะต้องการความชัดเจนในชีวิต เพื่อเลือกทางเดินแต่การที่ผ่านการใช้ชีวิตคู่มาแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะกลัวการเริ่มต้นใหม่

    - น้อยคนที่จะทำอะไรชัดเจนหรือเป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนใหญ่ก็จะทำอะไรตามอารมณ์ หรือทำตามใจของตัวเองตลอดเวลา

    - หากว่าเราขอร้องแฟนเราแล้ว หรือว่าพูดกับแฟนทุกสิ่งที่ควรพูดก็ต้องปล่อยให้เวลาเดินไปเรื่อย ๆ รอจนกว่าความรู้สึกของแฟนเราจะสุกงอม

    - ทั้งนี้ ชีวิตคู่ก็คือคนสองคน คนอื่นไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้อง ล้วนเป็นส่วนประกอบของความสัมพันธ์เท่านั้น ลองตั้งคำถามดูว่าเรารักแฟนที่อะไรกันแน่

  • ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "จงทำงานให้บริษัทที่เราจะลงทุนกับมัน และจงลงทุนกับบริษัทที่เราจะทำงานให้"

    - ส่วนกลับด้านของการทำงานและการลงทุนก็คือ จงทำสิ่งที่ควรทำอย่างสิ่งที่ควรจะเป็น

    - มีผู้คนมากมายทำงานในสิ่งที่ไม่อยากทำ โดยใช้ข้ออ้างคือเงินเดือนเป็นเหตุผลหลักในการดำเนินชีวิต

    - แม้แต่เรายังไม่อยากจะทำงานให้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง เรายังอยากจะลงทุนในบริษัทนั้นจริง ๆ หรือเปล่า

    - เมื่อเรารักสิ่งใด เราต้องเข้าใจสิ่งนั้นก่อนที่จะรัก ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นความหลง รู้วิธีเริ่มและต้องดูวิธีจบมันด้วย

    - หากงานที่เราทำมันไม่ใช่งานที่เราตามหา ก็อาจจะอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจลาออก เหมือนกันกับการลงทุนที่เราไม่ต้องรีบตัดสินใจถอนทุน ให้ลองศึกษาและตัดสินใจ

  • หนังสือ The Encyclopedia of Technical Market Indicators ของ Robert W. Colby

    - สารานุกรมการเทรดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเส้นค่าเฉลี่ย แนวโน้ม หรือว่าคำนิยามที่เราไม่รู้จัก

    - เครื่องมือในการเทรดสามารถเทรดได้หลากหลายอย่างยิ่ง เราจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้ว่าไม่มีสูตรสำเร็จในการเทรดให้สำเร็จ

    - โอกาสชนะ โอกาสขาดทุน รวมไปถึงความเป็นไปได้ในการเทรดที่มีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป เราจึงต้องค้นหาว่าสิ่งใดช่วยให้เรามองภาพออก

    - ในอดีตกับปัจจุบันเราอาจจะมองว่า ค่าเฉลี่ยของเส้นต่าง ๆ ยังคงมีความคงเดิม แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ บางจุดอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

    - ทั้งนี้ หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่เป็นสายเทรด ที่ต้องการเรียนรู้สถิติที่ผ่านมา ว่าแต่ละเส้นค่าเฉลี่ยมีความเป็นมาอย่างไร แล้วแต่ละคนก็ถนัดต่างกัน

  • มีคนมาปรึกษาว่า อยากขอคำปรึกษาค่ะ คือช่วงประมาณ 8-9 ปีก่อน มีโอกาสได้คบกับคน ๆ นึง เจอกันทางออนไลน์ เคยเจอตัวจริงกันบ้าง 2-3 ครั้ง แต่ก็เลิกกันไป ด้วยความที่ก่อนที่เราจะคบกับเขา เพื่อนของเขาชอบเราค่ะ ก็มีคุย ๆ กัน แต่เราก็คุยแบบเพื่อน จนได้มาเจอเขาค่ะผ่านจากเพื่อนเขาคือคนที่มาจีบ แล้วก็รู้สึกเข้ากันได้ดีมาก เลยตัดสินใจคบหากัน แต่ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนก็แย่ลง เรามีเวลาน้อยลงเพราะเรียนและทำงานหนัก สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด จนปัจจุบันได้มีโอกาสกลับมาคุยกันค่ะ เขามาขอโอกาส แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา 9 ปี เรารู้สึกว่าเราอยู่ตัวแล้ว เราก็โอเคกับการไปไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้ แต่ความรู้สึกเก่า ๆ ที่เคยมีเขามันกลับมา เพราะมันคือความสบายใจ มีอะไรก็ปรึกษาหารือกันได้ นึกถึงแล้วก็มีความสุขค่ะ แต่เราก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่พร้อม เลยไม่ยอมตอบรับความรู้สึกของเขา ไล่ให้เขาไปหาคนอื่น แต่เขาก็ไม่ยอมไปค่ะ เขาบอกเขาจะรอเรา คำถามคือ เราควรจะทำยังไงดีคะ จะลองกลับไปคบอีกครั้ง หรือเราควรที่จะพอใจที่เป็นอยู่แบบนี้ แล้วอยู่คนเดียวแบบนี้ดีคะ ตอนนี้ในหัวมันตีกันไปหมด คือเรากลัวเสียเขาไป เราคุยด้วยแล้วว่าเรารู้สึกว่า เราเป็นตัวของตัวเอง มันมีน้อยมากจริง ๆ ค่ะ แต่ก็ไม่อยากให้เขาเสียเวลารอเราเลย

    - ถ้าเรารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ก็จงเคารพความรู้สึกตัวเองดีกว่า เพราะคิดแทนอีกบุคคลหนึ่งก็ไม่มีประโยชน์อะไร

    - ถามตัวเองให้ได้ว่า เราต้องการอะไรจริง ๆ คำถามนี้สำคัญต่อมวลมนุษยชาติอย่างยิ่ง สังเกตความรู้สึกที่เรามีให้อีกฝ่าย

    - ช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไป 9 ปี มันมีหลายเหตุผลที่เราจะบอกได้ว่านี่คือรักแท้ แต่ยังไงแล้วรักแท้ก็ต้องพิสูจน์ด้วยบททดสอบที่ยากเช่นกัน

    - ถึงแม้จะกลับไปคบหรือไม่กลับไปคบกัน ก็อาจจะไม่สำคัญเท่ากับ เรายังไม่ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ไปไหนไกลเลย ความลึกซึ้งจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราเข้ากันได้จริงไหม

    - ลองคุย ลองคบ ลองใช้เวลาร่วมกัน ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะมีน้ำหนักไปมากกว่า ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริง ๆ ต่อให้เราขบคิด วางแผน หรือว่าปิดกั้นตัวเองแค่ไหน มันก็ทำได้เพียงแค่ยืดเวลาออกไป

  • ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ความเสี่ยงคือสิ่งที่หลงเหลือจากสิ่งที่คุณคิดไว้ว่ามันไม่น่าจะมีความเสี่ยงอีกแล้ว - Carl Richards ซึ่งมันมีความเกี่ยวข้องกับปัจจุบันนี้อย่างมาก"

    - ความเสี่ยงไม่ใช่สิ่งที่เราจะคาดการณ์ไว้ได้ทั้งหมด เหมือนว่ายิ่งเราคิดถึงความเสี่ยงมากเท่าไร ช่องโหว่ของความเสี่ยงยิ่งมากขึ้น

    - ปัญหาของปัญหา ก็ย่อมเป็นปัญหาในอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งเราจะไม่ไปคิดถึงความเสี่ยงทั้งหมด แต่ให้คิดว่าเราจะรับความเสี่ยงได้อย่างไร

    - กระบวนการสร้างของความคิด มันจึงต้องวางแผนเอาไว้บ้าง มีแผนสำรอง และรู้จักตัวเองให้ได้ว่า ถ้ารับความเสี่ยงไม่ไหวชีวิตจะล้มไปนานแค่ไหน

    - บางจุดความเสี่ยงอาจจะส่งผลต่อชีวิตในระยะยาว มีผู้คนมากมายเพิกเฉยต่อความเสี่ยง จนลืมประเมินความเสี่ยงของชีวิต

    - ชีวิตที่ไม่มีปัญหาอะไรเลย มันจึงไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้ มองชีวิตในกรอบที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด มีสติในชีวิตประจำวันแล้วจะมีความสุขเอง

  • หนังสือ พระพุทธเจ้า พุทธปัญญาและชาดก ของ ณิชาวีร์ เพิ่มพูลปฏิพัทธ์

    - เป็นหนังสือพุทธประวัติที่ได้รับรางวัลของประเภทหนังสือเด็กที่เกี่ยวข้องกับหลักธรรมประจำใจ

    - ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในพระพุทธศาสนา แต่เราทุกคนก็อาจจะไม่รู้ว่าในอดีตของจุดเริ่มต้นพุทธกาลนี้ดำเนินไปอย่างไร

    - การเรียนรู้ของความเป็นจริง ก็คือการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเรา แล้วความจริงมันมีความหมายกับชีวิตอะไรบ้าง

    - ปัญญาของมนุษย์นั้นเปรียบเสมือนบัว 4 เหล่า ที่มีบัวใต้ตม บัวพ้นตม บัวปริ่มน้ำ และบัวพ้นน้ำ การเรียนรู้ก็จะดำเนินไปตามแบบแผนนี้เช่นกัน

    - ทั้งนี้ หนังสือเล่มนี้ควรค่าแก่การอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่สนใจในเรื่องการใช้ชีวิต ธรรมะ และความทุกข์

  • มีคนมาปรึกษาว่า ไม่ชอบเพื่อนของแฟน ควรทำอย่างไรดีคะ เพราะแฟนชอบชวนเราไปหาเพื่อนเขา ละเราไม่รู้จะหาเหตุผลในการปฏิเสธอย่างไรดี เมื่อก่อนเราทนไปด้วยตลอด แต่ตอนนี้ก็ไม่อยากทนต่อไปแล้ว แฟนก็ถามหาเหตุผลว่าทำไมไม่อยากไปด้วย แต่เราก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี สาเหตุก็คือ 1. วิถีชีวิตของกลุ่มเพื่อนของแฟนกับเราเองต่างกันมาก ความเป็นอยู่ การเที่ยว การใช้ชีวิต และอาชีพการงาน 2. เพื่อนของแฟนมีนิสัยแปลก ๆ ที่ชอบว่าเพื่อนตัวเองในกลุ่ม หรือว่าคนอื่นตลอด แต่ก็ยังคบหากันอยู่เหมือนเดิม 3. ชอบทักมายืมเงินแฟนเรา พอคืนแล้วก็ยืมใหม่อีก 4. ลูก ๆ ของเพื่อนแฟนเราชอบมาเล่นกับเราแบบไม่มีกาลเทศะ เช่น ค้นดูกระเป๋า หยิบของ ๆ เราไปแล้วไม่ยอมคืน เอาโทรศัพท์เราไปเล่นแล้วทำตกอีก ของหยิบไปไม่ยอมคืน และชอบมาดึงผม ลูบหัว จับหน้า รองเท้าเราเพิ่งซื้อก็เอาไปโยนเล่น แถมอาหารที่เราสั่งพอไม่กินก็คายทิ้งในจานเลย เราก็กินต่อไม่ได้ แล้วอีกมากมาย และ 5. เมียของเพื่อนแฟน ก็ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นไปทั่ว ชอบนินทาคนอื่น ซึ่งเราไม่ชอบเลยค่ะ

    - ปัญหาทั้งหมดให้ลองแก้ที่ใจดูก่อน เพราะการแก้ที่ใจเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบ

    - ทั้ง 5 ข้อที่มีปัญหาให้ลองสังเกตที่ความคิดของเราอยู่เนือง ๆ ว่าทำไมเราถึงไม่ชอบในสิ่งที่สังคมนั้นเป็นไป

    - สังคมสมัยนี้ถือว่าเป็นปกติแล้วที่เราจะพบเจอคนที่อาจจะไม่มีมารยาทบ้าง หรือว่าพูดจาไม่ดีบ้าง รวมไปถึงสิ่งที่ขัดใจกับเราบ้าง

    - มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดี ที่ทุกคนต้องเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน แต่ให้เราลองเปลี่ยนการวางตัวของเราดีกว่า อาจจะแนะนำ สอนเด็ก ๆ ไปบ้างก็ไม่เป็นไร

    - การเข้าสังคม แน่นอนมันไม่มีคำว่าทุกคนจะทำอะไรถูกใจเราไปทั้งหมด แต่การไปรับฟังความคิดใหม่ ๆ ไอเดียแปลก ๆ หรือว่าสิ่งที่เราไม่ชอบ ก็อาจจะเป็นรสชาติของชีวิต

  • ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อตอนที่เริ่มเขียนบทความที่ Motley Fool ปี 2008 ยังคงมีแบงก์ 10 ที่ในเวลานั้น แต่ตอนสิ้นปีก็เหลือเพียงแค่ 4 ที่เท่านั้น"

    - เมื่อเราอยู่ช่วงวิกฤตการเงิน เราจะค้นพบว่างบการเงินในบริษัทย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่ง

    - ในช่วงเวลาทั่วไปเราอาจจะเพิกเฉยในการดูงบการเงินไป เพียงเพราะมันไม่มีปัจจัยอะไรที่ส่งผลทำให้เราเจอปัญหา

    - จังหวะเป็นแม่บทของทุกสรรพสิ่ง ถึงแม้ว่าเราอาจจะร่ำรวยขึ้นมาจากจังหวะที่ใช่ แต่เราต้องทำความเข้าใจภาพรวมของเศรษฐศาสตร์ให้ได้

    - การพังครืนของตลาดทางการเงิน มันจะทำให้ตระหนักรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดแน่นอน เมื่อวานดูเหมือนดี แต่วันนี้ก็กลับแย่ลงได้ อยู่กับปัจจุบันคือคำตอบ

    - อย่าลืมดูไส้ใน ก็คืองบกระแสเงินสด และให้ไปสังเกตกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) เพื่อให้เรารับรู้ว่าบริษัทดังกล่าวมีป้อมปราการที่มั่นคงแค่ไหน

  • หนังสือ VOLUME PROFILE: The insider's guide to trading ของ Trader Dale

    - การดูจำนวนของคนที่เข้าซื้อและขาย (Volume) จะช่วยบ่งชี้ได้ว่ามีกำลังมหาศาลหรือเบาบางเพียงใด

    - จิตวิทยาการเทรด วินัย ความเข้าใจในแต่ละจุดที่เราเข้าซื้อก็จึงเป็นเหตุผลในการทำกำไรอยู่เสมอไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

    - ตรวจสอบนิสัยของเราว่าถนัดระยะยาว ระยะสั้น หรือว่าระยะปานกลาง เพราะแต่ละช่วงเวลาจะบ่งชี้แตกต่างกัน แต่ให้ดูกราฟวันเป็นหลัก

    - สามารถดูวิดีโอของผู้เขียนได้ ซึ่งก็จะมาเป็นตัวช่วยในเรื่องของความเข้าใจมากยิ่งขึ้น แล้วแน่นอนว่าสามารถเรียนฟรีได้เลย

    - ทั้งนี้ หนังสือเล่มนี้สามารถเทรดได้ทุกตลาด โดยเน้นไปที่การเข้าใจกระบวนการมากกว่าว่าเราจะสามารถปรับใช้กับตลาดที่เราโฟกัสอยู่ได้อย่างไร

  • มีคนมาปรึกษาว่า อยากปรึกษาค่ะ พอดีเราคบกับแฟนมาได้ 6 เดือนกว่าแล้ว ช่วงแรก ๆ เขาเจ้าชู้มาก ๆ แต่เราก็ยังทนมาจนถึงตอนนี้ แต่ว่าตอนนี้เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองคือ ไม่เจ้าชู้เหมือนเมื่อก่อน ไม่เที่ยวไม่ดื่มเหมือนเมื่อก่อน แถมไม่ติดเพื่อนด้วย แต่เราเป็นคนจำอะไรแล้วฝังใจค่ะ แบบว่าเขาก็พยายามปรับตัวทุกอย่างเราก็รู้สึกได้นะคะ ว่าเขาเปลี่ยนตัวเองไปมาก แต่เหมือนเราก็ยังไม่เชื่อ ยังมีกำแพงอยู่ ยังไม่เชื่อว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้ค่ะ อยากรู้ค่ะว่า จะเอาเรื่องราวในอดีตที่เขาทำให้เราเจ็บออกจากใจได้ยังไงบ้างคะ

    - ถ้าเราเป็นคนลืมยาก เราก็ต้องฝึกสติในชีวิตประจำวันให้มาก แม้กระทั่งชีวิตเราเองยังไม่ได้ดังใจเราทั้งหมดเลย

    - แล้วการที่จะไปตั้งคำถามว่า จะนำเรื่องราวในอดีตที่เขาทำกับเราออกจากใจ สิ่งนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะเราตั้งคำถามผิด

    - ให้ลองเปลี่ยนเป็นการตั้งคำถามว่า สรุปแล้วเรารักคนที่สิ่งไหน เราสามารถให้อภัยได้จริง ๆ ไหม หรือในความเป็นจริงเราก็แค่ต้องการความสมบูรณ์แบบ

    - อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แน่นอนวันหนึ่งไม่ว่าจะพบกัน หรือลาจากกันไป วันนี้ย่อมสะท้อนอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราต้องใช้ชีวิตเหมือนว่าวันนี้คือวันสุดท้าย

    - ปัญหาเรื่องการเจ้าชู้ก็มักจะเป็นประเด็นใหญ่สำหรับความสัมพันธ์ แต่แน่นอนว่ามันอยู่ที่ใจเราล้วน ๆ ว่าเราต้องการอะไร ถ้าเรารับไม่ได้กับคนเจ้าชู้ก็ไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อให้มันยาวนาน

  • ข้อความโพสต์จาก Guy Winch ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อคุณประสบกับเหตุการณ์ยาก ๆ จงสบายกับตัวเองที่จะตระหนัก แม้ว่าเราจะรู้สึกท่วมท้นในการรอคอย คุณได้ทำสิ่งที่มีความหมาย และคุณกำลังสร้างความยืดหยุ่นทางอารมณ์แล้ว"

    - การที่เราจะบอกว่า สิ่งที่เราอดทนต่อสภาวะยากลำบากที่สุดในชีวิต เราจำเป็นจะต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง

    - แล้วหากว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ เพราะการไม่ทำในจุดหนึ่ง บ่งบอกว่าเราเริ่มควบคุมสิ่งภายใน

    - ระหว่างเพิกเฉยกับรอจังหวะในการเปลี่ยนแปลง สองสิ่งนี้ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดให้ได้

    - ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็แค่รับรู้ภาพว่าการรอคอยย่อมเป็นส่วนหนึ่งของสภาวะคลี่คลายในปัญหาที่เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้น

    - นักจิตวิทยาย่อมเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นจากจิตใจ ปัญหาของจิตใจก็ย่อมต้องแก้ที่จิตใจ ในการแก้ไขปัญหาผิดจุดย่อมส่งผลร้ายแรงกับจิตใจมหาศาล

  • หนังสือ The Art of Teaching Children: All I Learned from a Lifetime in the Classroom ของ Phillip Done

    - เป็นหนังสือที่คุณครู และคนที่ต้องการเอาชนะใจเด็กทุกคนจำเป็นต้องอ่าน ซึ่งมันมีความหมายต่อใจ

    - การรวบรวมประสบการณ์นานนับหลายสิบปี เราจึงจำเป็นต้องขบคิดว่า สิ่งใดที่เราให้ความหมายแก่สิ่งนั้น

    - เป้าหมายของการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นคุณครูหรือนักเรียนนั่นก็คือ การสั่งสอนให้นักเรียนทุกคนรวมถึงตัวเราเองมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า

    - บางครั้งการหลงลืมไปบางสิ่ง ผิดพลาด ล้มเหลวในฐานะของคุณครู ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่เพียงเราอาจจะสวมหัวโขนของการมีความรู้มากเกินไป

    - จงมอบความรัก ความเข้าใจ และความเมตตา ซึ่งเราไม่สามารถจะไปบังคับคนรับได้ว่าจะรับได้เท่าไหร่ หน้าที่ของผู้ให้คือใส่ใจให้มากที่สุดกับเป้าหมายที่ได้วางไว้