エピソード
-
มีคนมาปรึกษาว่า ขอปรึกษาหน่อยค่ะ คือเราเรียนจบปีนี้ แล้วก็ทำงานด้วย ทำทุกอย่างที่ได้เงินเลยค่ะ เราคิดว่าการมีเงินมันสามารถทำอะไรได้สะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งตอนนี้เรามีแฟนค่ะ แฟนอายุ 31 ปี โตกว่าเราแต่ก็ยังไม่มีงานหรือหาเงินเองได้เลยสักบาท ย้ำว่าทุกวันนี้แฟนขอที่บ้านกินใช้อยู่ เราคุยกับเขาตลอดนะคะ ทะเลาะกันตลอดเรื่องให้หางานทำสักที แต่เขาก็ทำตัวชิวมาก เพิกเฉย พอเราพูดทีก็ทำตัวน้อยใจที่บอกให้เขาทำงาน แถมเขาก็บอกว่าก็หาเงินอยู่ทุกวัน แต่คือหางานทุกวันก็จริงค่ะ แต่ผ่านไปดูเหมือนว่าเขาไม่ทำสักงานเพราะมัวแต่เกี่ยงงาน เขาให้เหตุผลว่าอยากทำงานที่ตัวเองถนัด ซึ่งก็เข้าใจเขานะคะ แต่เรารู้สึกว่าว่างงานมา 3 ปี ขนาดนี้ไม่ควรเลือกงานแล้ว ควรต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินก่อน เพราะยุคสมัยนี้ตัวเลือกมันน้อย ฝากให้คำแนะนำเขาด้วยนะคะ เราเหนื่อยกับเรื่องนี้มาก ๆ เนื่องจากเรารู้สึกว่าเขาควรต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวของเขาเองค่ะ ในความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้จ้องจะขอเงินเขาเลยนะ เพราะตอนนี้ก็หาเองทุกวันอยู่แล้วค่ะ
- เราเริ่มต้องแยกประเด็นระหว่าง ปัญหาของเรา หรือไม่ใช่ปัญหาของเราก่อนอันดับแรก
- ถ้าเราหวังดีอยากให้คนที่เราเป็นห่วง เขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เลี้ยงชีพเองได้ สิ่งนั้นเป็นเจตนาที่ดี
- แต่ถ้าเราเริ่มบ่น ก่นด่า รวมไปถึงย้ำบ่อย ๆ ด้วยความหวังดีที่แฝงไปด้วยการบังคับขู่เข็ญว่าเขาต้องทำแบบนี้เท่านั้น
- การที่พ่อแม่ยังเลี้ยงดู คนอายุ 31 ปี หรือจะกี่ปีก็ตามแต่ เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ยุคสมัยนี้ไม่ได้ง่ายที่จะหาเงินได้เอง
- ทั้งนี้ ลองเปิดใจจับเข่าคุยกัน ตัวคนที่หาเงินได้ก็ต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้แบบเรา ส่วนคนที่ไม่ขวนขวายทำอะไร ก็ให้มองว่าตัวเราต้องตระหนักอะไรบ้างได้แล้ว
-
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ผู้คนมักจะพูดว่า มันดูไม่แฟร์หรือมันดูไม่เหมาะสมที่จะปฏิบัติกับผู้คนอย่างแตกต่างกัน แต่ทว่าการกระทำของแต่ละผู้คนที่เสริมสร้างความเหมาะสมนั้น ทำให้มันแตกต่างกัน ก็เพียงเพราะว่าผู้คนต่างคนก็ต่างบริบท แล้วถ้าคุณเป็นช่างตัดเสื้อ คุณจะไม่สามารถให้เสื้อไซส์เดียวกันกับทุกคนได้เลย อย่างไรก็ตาม ความสำคัญก็คือเราควรมีมาตรฐานการสร้างระเบียบขึ้นมา มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมองค์กรของผมซึ่งจะทำให้มันสดใหม่ได้นั้น จำเป็นต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ให้มาก ยกตัวอย่างเช่น การทำงานในบริษัทมาหลายปี เราก็จึงมีปัจจัยการปฏิบัติกับผู้คนต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การที่จะมีผู้คนที่ไม่ได้จริงใจกับบริษัท ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องปฏิบัติอย่างละเท่า ๆ กันเสมอไป"
- จงอย่าปฏิบัติกับผู้คนอย่างเท่าเทียมจนเกินไป แต่จงปฏิบัติกับผู้คนอย่างเหมาะสม
- ปัญหาของการปฏิบัติเท่ากัน มันจึงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นหลายยุคหลายสมัย มันไม่ใช่เพียงแค่ในองค์กรแต่ในครอบครัวก็เช่นกัน
- ถ้าคนนี้เป็นคนดีในแบบที่ดีจริง ๆ กับอีกคนนึงเป็นคนดี ในแบบที่ไม่ได้ดีจริง ๆ เราควรจะปฏิบัติกับสองคนนี้อย่างไร
- เมื่อโจทย์ก็คือ ปัจจัยใดบ้างที่มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติของคน ๆ หนึ่งได้ นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราต้องไปตามหาที่เหตุนั้น
- ทั้งนี้ การที่เราจะเป็นช่างตัดเสื้อที่ดีที่สุดในโลก เราจำเป็นต้องรู้ทักษะในการสังเกตความเหมาะสมของสรีระร่างกาย และหาสิ่งที่เข้ากันกับคนนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม
-
エピソードを見逃しましたか?
-
หนังสือ มองหน้าหาคู่ ของ อาทิตย์ วรันธรกุล (ซินแสโอ)
- โหงวเฮ้งคือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องใบหน้า ตำแหน่งของใบหน้ามักจะมีความหมายอยู่ทุกจุดเสมอ
- ถ้าเราอยากจะหาคู่ชีวิตที่ดี จงสังเกตตรงหน้าผาก ขมับ จมูก และริมฝีปาก เพราะมันหมายถึงเรื่องความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ
- โดยทุกส่วนล้วนมีอายุขัยที่แตกต่างกันไป ช่วงวัยไหนอยู่ตรงไหนก็จะหมายถึง วัยที่เราเข้าไปถึงตรงจุดนั้นมีความหมายอย่างไร
- ใบหน้าที่เรียวยาว ก็เหมาะสมกับใบหน้าที่มนกลม แน่นอนว่าใบหน้าผสมก็ย่อมหาคู่ชีวิตที่ยากกว่า เพียงเพราะธาตุที่ไม่ลงรอยกับใบหน้าอื่น
- ทั้งนี้ โหงวเฮ้งเป็นศาสตร์ที่มีความเก่าแก่อย่างยิ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและตีความด้วยเสมอ ไม่ปักใจเชื่อเพราะอ่านมา แต่จงสอบทานให้ถึงพร้อม
-
มีคนมาปรึกษาว่า แฟนชอบขุดเรื่องเก่า ๆ ของเราในด้านไม่ดีมาพูดซ้ำ ๆ แล้วก็จะมาไม่พอใจเราระแวงเรา ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว คบกันมา 4 ปี เรารักเขามาก ๆ เราทุ่มเทให้เขามากเลยค่ะ มีแค่เขาคนเดียว แต่เขาชอบใช้คำพูดที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี จนเราร้องไห้ทั้งคืนเลย พอเราพยายามอธิบายว่าเราไม่ชอบให้พูดแบบนี้ เขาก็จะเอาแต่บอกว่าไม่เข้าใจ ไม่อยากรับฟัง ควรทำยังไงดีคะ ค่อนข้างเป็นพิษเลย
- นิสัยของคนเราต่างกัน บางคนชอบขุดเรื่องเก่า ๆ ก็เพียงเพราะเขายังไม่ลืมสิ่งที่เราทำลงไป
- บางอย่างเราเป็นคนผิด แต่เขาไม่พร้อมที่จะให้อภัยจริง ๆ หรือบางเรื่องมันอาจจะร้ายแรงจนต้องเอามาพูดบ่อย ๆ ก็ได้
- ถ้าเกิดการที่เราคบหากันแล้วมันไม่มีพื้นที่ในการไปต่อได้จริง ๆ ก็ขอให้ถอยกันคนละก้าว แล้วตัดสินใจอีกทีว่าจะเลิกคบกันไหม
- ใช้เหตุผลให้มากกว่าอารมณ์ อย่าใช้อารมณ์มากเกินไป เพราะอารมณ์เป็นบ่อเกิดของปัญหาที่ตามมามาก โดยที่เราไม่รู้ตัว
- ทั้งนี้ สังเกตตัวเองให้ดี ๆ ว่าเราเป็นคนอย่างไร บางคนไม่ค่อยทำผิด แต่ผิดแล้วเขาจำ บางคนทำผิดอย่างบ่อย แต่ผิดแล้วไม่รู้ว่าตัวเองเป็นแบบไหน
-
ข้อความโพสต์จาก Steve Burns ได้เขียนข้อความไว้ว่า "มันดีขึ้นเยอะถ้าเราเพิ่มอัตราเร่งกระบวนการของการใส่ใจผู้คนรอบข้าง"
- ในรูปเราจะพบว่า ตั้งแต่เกิดมาเราอาจจะยังไม่ค่อยใส่ใจใคร แต่เราจะใส่ใจมากที่สุดในช่วงวัยรุ่น และลดลงฮวบในช่วงวัยกลางคน
- แถมการอธิบายในรูปก็ย่อมแสดงให้เราทุกคนเห็นว่า มนุษย์แคร์คนมากช่วงหนึ่งเพราะ เขามีความคาดหวังอย่างยิ่ง
- แต่แล้วพอความคาดหวังหมดสิ้นลง มันก็คือการที่เราหันมาใส่ใจตัวเอง หรือไม่ก็งอกไปฝั่งที่ไม่ใส่ใจใครเลยเข้าไปใหญ่
- ลองปรับวิถีอัตราเร่งกระบวนการสร้างในเรื่องของความใส่ใจผู้คนสักหน่อย เช่นค่อย ๆ เริ่มไปทีละนิด แล้วค่อยสูงสุดช่วงวัยกลางคนก็ยังได้
- ทั้งนี้ การเอาใจเขามาใส่ใจเรายังเป็นทักษะที่จำเป็นอยู่เสมอ เราจะต้องตระหนักให้ได้ว่า เราเองยังต้องการคนใส่ใจ เราก็ย่อมต้องใส่ใจผู้คนรอบข้างบ้าง
-
หนังสือ Stock Startup ลงทุนหุ้น VI ของ เอิญ สุริยะฉาย
- เรียนรู้เรื่องงบการเงินผ่านเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ นั่นก็คือเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า
- บริษัทในตลาดหุ้นจะมีหลากหลายอย่างมาก แล้วนับวันบริษัทก็มักจะจดทะเบียนในตลาดหุ้นมากขึ้น
- มันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องการเงิน ส่วนเคล็ดลับส่วนใหญ่ก็คือให้สนใจเรื่องเกี่ยวกับกระแสเงินสดเป็นหลัก
- ระยะเวลาที่เราเป็นเจ้าหนี้ควรจะสั้น ส่วนระยะเวลาที่เราเป็นลูกหนี้ควรจะยาว นั่นหมายถึงเรามีอำนาจต่อรองสูงมาก
- ทั้งนี้ การอ่านงบการเงิน จำเป็นจะต้องอ่านแบบโดยรวม อย่าโฟกัสงบใดงบหนึ่ง แล้วอย่าลืมอ่านหมายเหตุประกอบงบการเงินด้วยเสมอ
-
มีคนมาปรึกษาว่า กำลังตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ เลยอยากรู้ว่ามีคำแนะนำ ที่เป็นการเตือนสติในการใช้ชีวิตหลังจากนี้บ้างไหมคะ อยากอ่านแล้วเหมือนมีผู้ใหญ่ให้กำลังใจหรือตักเตือนเหมือนลูกเหมือนหลานค่ะ อยากได้แบบเวลากลับมาอ่านแล้วใจมันสู้
- ทุกการตัดสินใจ ล้วนมีคำตอบรอเราอยู่เสมอ แล้วก็แน่นอนว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ
- ไม่มีอะไรในชีวิตที่เราควรกลัว แต่ก็แน่นอนว่าเราไม่สามารถจะสร้างความกล้าโดยปราศจากความกลัวไปได้เลย
- ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เช่น พ่อ แม่ ลูก ครบถ้วน แต่มันอาจจะเป็นการที่เราเข้าใจแก่นของชีวิตว่า ทุกอย่างอยู่ที่การใส่ใจกันจริง
- เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพียงแค่คำเดียวก็สามารถเปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ คนหนึ่งคนถึงแม้เราอาจจะไม่ได้รักเขา แต่เราก็ควรฝึกที่จะสวมรองเท้าเดียวกับเขาบ้าง
- ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนมีคุณค่าเป็นของตัวเอง ซึ่งมันจะไม่สามารถมีคำนิยามที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เราทุกคนจึงจำเป็นจะต้องค้นหา ไขว่คว้า และแสวงหาคำนิยามด้วยตัวของเราเอง
-
ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ไม่ว่าขณะใดก็ตามแต่ ฉันมักจะทำบางสิ่งบางอย่าง แล้วก็มักจะคิดว่า 'คนที่แปลกประหลาดจะทำแบบนี้ไหม' รวมไปถึงถ้าพวกเขาทำแบบนั้น เราก็ต้องไม่ทำในสิ่งที่เขาทำเท่านั้นเอง"
- คนที่แปลกมักจะมีความคิดที่ไม่ลงรอยกับความเป็นจริง ซึ่งแน่นอนเขาอาจจะมีความชาญฉลาดอย่างยิ่ง
- สำรวจตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร มีเงื่อนงำใดบ้างที่ทำให้เราเป็นคนแปลกประหลาด เกินจะเยียวยาบ้างไหม
- บางคนไปตัดสินคนอื่นว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สรุปว่าเขานั่นเองที่เป็นคนไม่ดีอย่างที่เขาไปตัดสินผู้อื่น
- การบังคับ โน้มน้าวผู้คนโดยขาดเหตุผลที่ดีต่อตัวบุคคลนั้น ๆ เราจะต้องตัดความสัมพันธ์นั้นทิ้งไปให้ไวที่สุด
- วิธีที่เราจะแยกคนที่แปลกประหลาดออกจากผู้คนทั่วไปนั่นก็คือ การที่บุคคลนั้นเอาใจเขามาใส่ใจเรา พร้อมกับนึกถึงผู้คนอื่นอยู่เสมอ และอ่อนโยนเป็นปกติ
-
หนังสือ Take Charge of Your Life ของ Jim Rohn
- มีสักกี่คนที่จะควบคุมชีวิตได้อย่างหมดจด ผู้คนส่วนใหญ่แล้วควบคุมไม่ได้แม้กระทั่งความคิดของตัวเอง
- เมื่อเราควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ เราจะสามารถควบคุมผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตได้
- ไม่มีทางที่ชีวิตจะปล่อยไปตามลม เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่คิด พูด หรือกระทำสิ่งใดได้จริง
- หากเราต้องตัดสินใจอย่างหนึ่งในชีวิต เราจำเป็นจะต้องเลือกทางที่ใช่ที่สุด ที่เหมาะสมกับตัวเราเอง
- ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เริ่มต้นจากตัวเราเองทั้งหมด อย่าไปเปลี่ยนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะมันจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ
-
มีคนมาปรึกษาว่า ลูกชายอายุ 15 ปี กำลังจะไปตามหาความฝันที่กรุงเทพ แต่โรงเรียนที่ไปไม่มีหอในมีแต่หอนอก ควรจะให้ลูกไปไหมคะ
- การที่เราต้องปล่อยลูกเราไปจากอ้อมอก เป็นสิ่งที่ยากสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่มันคือสิ่งที่สักวันหนึ่งก็ต้องทำ
- สังเกตลูกของตัวเองให้ได้ละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด เช่น มีความรับผิดชอบไหม มีคำมั่นสัญญาที่ดูหนักแน่นไหม เพราะทุกอย่างมีเหตุผลอยู่เสมอ
- คนที่จะไปอยู่หอนอก อาจจะต้องควบคุมตัวเองสูงกว่าหอใน เพียงเพราะเราจะสามารถพาใครเข้ามาก็ได้ และมันอาจจะเลยเถิดไปได้ไกล
- วัฒนธรรมของแต่ละครอบครัวนั้นแตกต่างกัน เราจำเป็นจะต้องชั่งน้ำหนักด้วยดุลยพินิจของครอบครัวเราให้ได้มากที่สุด
- ทั้งนี้ แต่ละคนก็แต่ละหนึ่ง ถึงแม้เราจะปรึกษาคนนับพัน นับหมื่น แต่ยังไงแล้วคนที่ตัดสินใจครั้งสุดท้ายก็ย่อมเป็นเราอยู่ดี
-
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ยิ่งคุณใช้เวลาไปกับการวิจารณ์กับสิ่งที่คุณควรได้รับ คุณจะเสียเวลาโดยใช่เหตุกับสิ่งที่คุณควรจะสร้างมันขึ้นมา จงโฟกัสในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้เท่านั้น"
- มีผู้คนมากมายต้องการที่จะเปลี่ยนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น จิตใจคน สังคมแวดล้อม รวมไปถึงโลกใบนี้
- แถมการที่เรามัวแต่รอคอยผลลัพธ์อย่างเดียว โดยที่ไม่ได้ทำเหตุให้ถึงพร้อม ก็ไม่สามารถให้ปลายทางนี้สุขสมได้เลย
- หากว่าเราเป็นคนที่สงสัยในผลลัพธ์ที่ตัวเองได้ ก็ให้ลองสอบทานตัวเองอีกรอบหนึ่งว่า โลกใบนี้อยุติธรรมกับเราจริง ๆ รึเปล่า
- ทุกคนย่อมได้สิ่งที่สมควรได้รับ ตามเหตุที่ได้สร้างไว้ สร้างอะไรก็ได้รับอย่างนั้น แล้วก็ทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเช่นกัน
- ทั้งนี้ โลกนี้ให้ผลที่ยุติธรรม โลกใบนี้ไม่เคยรักใคร ชังใคร จะยากดีมีจนแค่ไหนโลกใบนี้ก็ย่อมให้พื้นที่กับบุคคลนั้นเสมอ
-
หนังสือ How to Talk to Anyone: 92 Little Tricks for Big Success in Relationships ของ Leil Lowndes
- กลวิธีที่ทำให้เราสามารถชนะใจคนได้ นั่นก็คือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เปิดใจมองมุมที่เขามองไม่ใช่มองแค่มุมตัวเอง
- เมื่อมีคนกำลังพูด แล้วเรากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าเราตั้งใจฟังเราจะได้การตอบสนองอีกแบบ ส่วนถ้าเราเพิกเฉยเราก็ย่อมได้รับอีกแง่มุมหนึ่ง
- รอยยิ้ม บางครั้งอาจจะดูเหมือนไม่สำคัญ แต่การสนทนากันเราควรจะยิ้มหรือยินดีไปกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดด้วยเสมอ มันย่อมสร้างเสน่ห์ได้
- แล้วมันก็เป็นสิ่งที่แน่นอนว่า คนที่จะคุยกันอย่างรู้เรื่อง คุยเรื่องเดียวกัน หรือมีมุมมองเดียวกัน ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่เราก็ต้องรับฟังอยู่เสมอ
- ทั้งนี้ มีคนอยู่สองประเภทที่เมื่อเข้าห้องไปแล้วเขาก็มักจะพูดนั่นคือ คุณอยู่นั่นเองกับฉันอยู่นี่ไง แล้วมันเป็นการย้ำเตือนว่าคนสองประเภทนี้จะมีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
-
มีคนมาปรึกษาว่า อยากรู้ว่ามีความคิดยังไงกับคำว่า การเลี้ยงลูกและการทำงานบ้านงานเรือนคือหน้าที่ของภรรยาคะ
- เมื่อโลกใบนี้กำหนดค่านิยามหนึ่งขึ้นมา เช่น คนนี้ต้องทำแบบนี้ คนนั้นต้องทำแบบนั้น นี่เรียกค่านิยม
- เพศมีการกำหนดค่านิยามขึ้นมา โดยพื้นฐานจากฮอร์โมน วิถีชีวิต และพื้นฐานของผู้คนว่ามีชุดความคิดหนึ่งมากรอบเท่านั้น
- แต่ถ้าเราพูดถึงการกำหนดหน้าที่ขึ้นมา ไม่ว่าใครก็ตามต้องล้วนมีหน้าที่นั้นเสมอ ไม่ใช่ว่าใครแต่ต้องรวมไปถึงทุกคน
- บางคนใช้คำพูดประมาณว่า คุณจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้ ต้องรับผิดชอบหน้าที่นั้น แต่เจ้าตัวเองกลับไม่มีการรับผิดชอบสิ่งใดเลย
- ไม่จำเป็นต้องใส่ใจคำพูดทุกคนว่าให้เราต้องทำสิ่งใด จงตระหนักและตื่นรู้ว่าวันนี้เราสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง ที่ให้ชีวิตมวลรวมของเราดีขึ้น
-
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "มันมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องดึงทุกความสงสัย ก็เพราะว่า 1. สิ่งที่ไม่ดีเพียงแค่เล็กน้อย อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ปัญหาใต้พรมปะทุอย่างรุนแรงขึ้นมาได้ 2. การแก้ปัญหาเพียงแค่เล็กน้อยในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง ย่อมป้องกันปัญหาอีกหลายส่วนได้ และ 3. ให้พยายามสร้างวัฒนธรรมที่เน้นความยอดเยี่ยม และความมุ่งมั่นในการจะเล็งเห็นถึงปัญหา ไม่ว่าปัญหามันจะเล็กน้อยเพียงใด มันคือสิ่งที่สลักสำคัญอย่างยิ่ง (ไม่เช่นนั้นปัญหาของเราจะกลายเป็นตัวอย่างที่ยึดถือในค่ากลาง) ส่วนการจัดลำดับความสำคัญก็มักจะเป็นสาเหตุให้เราเพิกเฉยต่อปัญหารอบตัวได้ สังเกตปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามองข้ามไป หรือเราไม่ได้สนใจมันเท่าที่ควร เพื่อเสริมสร้างความรับรู้ว่ามันคือสิ่งที่ยอมรับได้ รวมไปถึงจะทนทานได้หรือไม่ ให้ลองจิตนาการว่าทุกปัญหาในทุกชิ้นส่วนนั้นถูกทิ้งไปยังอีกห้องหนึ่ง แน่นอนว่าห้องนั้นย่อมมีความสำคัญ แต่มันก็ทำให้เราไม่เจ็บปวดถึงแม้มันจะเข้ามาหาเรา โดยที่เราต้องสนับสนุนความยอดเยี่ยม มันจะช่วยให้ทุกสิ่งดีขึ้นจริง แล้วลำดับถัดไปก็จะทำให้องค์กรมีผลกระทบในทางที่ดีเช่นกัน ในขณะที่คุณไม่ได้หยิบอะไรขึ้นมา คุณก็ไม่ควรที่จะละเลยในการใส่ใจถังขยะนั้น หรือไม่มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่คุณจะหยิบปัญหา สักชิ้นสองชิ้นระหว่างทางที่คุณไปก็ได้"
- ดึงทุกความสงสัยเพื่อนำมาใคร่ครวญอยู่อย่างเสมอ
- ไม่ว่าเราจะเพิกเฉยสิ่งใดไป สิ่งนั้นย่อมย้อนกลับมาหาเราอย่างนั้น แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป
- ทุกแง่งามของชีวิตคือสิ่งที่จะเน้นย้ำว่า ตัวตนที่แท้จริงของเราเป็นใคร แล้วปัญหาที่อยู่ใต้พรมนี้ มันจะสะท้อนอะไรขึ้นมาบ้าง
- ขยะของปัญหาที่เราทิ้งไปแบบผิดวิธี วันหนึ่งมันจะย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตเราอย่างหาที่สุดมิได้ เราจึงต้องทิ้งให้ถูกที่และถูกเวลาด้วย
- ทั้งนี้ อนาคตกาลเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นมาแล้ว โดยปัจจุบันขณะนี้เอง ยุคสมัยใหม่กำลังปรากฏขึ้น การหนีปัญหาจะยิ่งลุกลามไปไกลจนเราไม่สามารถวาดฝันไว้ได้เลย
-
หนังสือ The Wise Investor: A Modern Parable About Creating Financial Freedom and Living Your Best Life ของ Rich Fettke
- เรื่องเล่าของการเงิน อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาทั้งหมดแต่ก็ยังสอดแทรกปรัชญา
- ชีวิตไม่ได้มีแค่แง่มุมเดียว ผู้คนมักจะคิดเสมอว่าพอมีเงินแล้วทุกอย่างจะจบ แต่บางครั้งก็จบไม่สวยก็มี
- เรียนรู้กับชีวิตว่า ถ้าเราอยากจะมีอิสรภาพทางการเงิน เราก็จำเป็นจะต้องมีมันอย่างชาญฉลาดด้วยเสมอ
- เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต ถึงแม้วันนี้เราอาจจะยังไม่มีเงิน แต่อย่างน้อยเราก็ต้องเริ่มตั้งคำถามตั้งแต่วันนี้ว่า เราต้องการสิ่งใดกันแน่
- ความรุ่มรวยอาจจะมิใช่แค่เงินทอง หรือของนอกกาย แต่มันอาจจะหมายถึงความมั่งคั่งของจิตใจและการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ได้อย่างสมดุล
-
มีคนมาปรึกษาว่า อยากปรึกษาค่ะ คือเราเป็นคนติดแฟนมาก แต่มีแฟนอยู่ไทย ส่วนตัวเราเองอยู่ต่างประเทศ อยากคุยกับแฟนเยอะ ๆ แต่แฟนเป็นคนคุยน้อย และเขาก็คงเปลี่ยนมาคุยเยอะกว่าเดิมไม่ได้อีก เลยมีคำถามว่า 1. มีคนมาจีบเราเยอะมาก ๆ มีคนดี ๆ ตามจีบมาเป็นปี แต่เราก็ยังมั่นคงกับแฟน เคยลองคิดว่าคบกับคนใกล้ตัวดีกว่าไหม แต่ผลที่ได้คือไม่สามารถทำแบบนี้ได้จริง ๆ และ 2. ไม่สามารถมองผู้ชายคนอื่นว่าหล่อ หรือน่ารักได้เลยนอกจากแฟนเรา เพราะเขาเป็นคนหน้าตาธรรมดาที่น่ารักที่สุดแล้วในสายตาเรา เลยสงสัยว่าจะเปลี่ยนทัศนคติตัวเองยังไง ให้ไม่งี่เง่างอแงเรื่องที่เขาไม่ค่อยมีเวลาให้ดีคะ
- ความรักมันไม่ได้เลือกว่าต้องอยู่ใกล้หรือไกล คนมันจะรักก็คือรักแค่นั้นเลย
- ปัญหาในตอนนี้คือ อยากให้แฟนเป็นดังใจเราไปเสียทั้งหมด ซึ่งนิสัยบางอย่างถ้าไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวก็ปล่อยไปบ้าง
- ต้องดูเนื้อในของความเงียบแฟนเราว่า เขาเงียบเพราะไม่มีเรื่องคุย เงียบเพราะปิดบัง หรือเงียบเพราะไม่มั่นใจว่าจะคุยไปได้ยาวจริง ๆ ไหม
- บางทีความเงียบอาจจะเป็นคำตอบบางอย่างให้เรารับรู้ถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป บางคนเงียบโดยนิสัยก็อาจจะไม่มีอะไร แต่บางคนอาจจะไม่ใช่
- ทั้งนี้ การที่เราพยายามหาคนรักคนอื่นเพื่อดีกว่าแฟนเรา มันอาจจะไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะถ้าเราชอบคนอื่นจริง ๆ เราจะไม่ต้องพยายามขนาดนั้น
-
ข้อความโพสต์จาก Simon Sinek ได้เขียนข้อความไว้ว่า "บริษัทใหญ่โตส่วนใหญ่มักจะล้มเหลว ก็เพียงเพราะเขาลืมว่าเขาสร้างบริษัทนั้นมาเพราะเหตุใด"
- จุดเริ่มต้นนั้นสำคัญที่สุด มันคือจุดที่เราจะต้องกลับไปสู่ฐานอยู่เสมอ เหมือนกลับบ้านไปบ่มเพาะตัวเอง
- มีผู้คนมากมายหลงคิดไปว่า การออกเดินทางคือการบ่มเพาะ แต่ในความเป็นจริงแล้วประสบการณ์นั่นแหละเป็นตัวชี้วัด
- การกลับมาทบทวน สอบทาน และทดสอบ จะช่วยให้บริษัทและชีวิตของตนเองดีขึ้นได้มาก มันคือวิถีของปรมาจารย์
- ยิ่งเดินทางออกจากบ้านไปนานมากเพียงใด ก็ย่อมต้องใช้เวลาบ่มเพาะนานเท่านั้น ธรรมชาติคือครูชั้นเลิศที่จะมาสั่งสอนเรา
- บริษัทที่จะยืนหยัดต่อสู้ไปได้ คือบริษัทที่ยังคงปรัชญาในการดำเนินธุรกิจอยู่เสมอ รวมถึงไม่เพิกเฉยต่อการปรับตัวใด ๆ เลย
-
หนังสือ Success Through a Positive Mental Attitude ของ Napoleon Hill and W. Clement Stone
- ชีวิตเราจะมีทั้งความคิดในแง่บวก และความคิดในแง่ลบ ซึ่งทั้งสองความคิดนี้กำลังกำหนดวิถีชีวิตเราอยู่
- ถ้าเราปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ เราจะต้องมองไกล มองกว้าง และมองลึกซึ้ง ในสิ่งที่หมุดหมายไว้
- ความขี้เกียจบ้าง อาจจะเป็นสิ่งที่ดี แต่การขี้เกียจตัวเป็นขนแบบนี้จะทำให้ชีวิตมวลรวมตกต่ำลงอย่างหาที่สุดมิได้
- ความจริง ความมุ่งมั่น และความกล้าหาญ จะมาเป็นส่วนช่วยเหลือให้ปัญหาชีวิตของเราถูกลดทอนลงไปมาก
- ทั้งนี้ มุมมองคือวิถี ทิศทางคือการเลือกเดิน เราจึงจะต้องใส่ใจเรื่องวิถีทางในการดำเนินชีวิตไปให้มากที่สุด
-
มีคนมาปรึกษาว่า รบกวนปรึกษาค่ะ คือตอนนี้เราคบกับผู้ชายสิงคโปร์ เราทำงานกลางคืนที่นี่ เขาแต่งงานแล้วแต่ภรรยาเป็นคนไทย แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะมีเหตุจำเป็นที่เขาเข้าประเทศสิงคโปร์ยังไม่ได้ แต่เขาก็กำลังยื่นเรื่องพาภรรยากลับมา เราคบกันมาสักพัก เกือบ 3 เดือน ถึงรู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว เขาพาเราเข้าไปนอนบ้าน แล้วที่ไม่รู้เพราะเขาไม่เคยให้โซเชียลมีเดีย จนเพื่อนเขามาบอกว่าแฟนเราแต่งงานแล้ว เราก็ทักไปหาภรรยาเขา และรับปากว่าจะเลิกคุย แต่เราเลิกไม่ได้ เพราะเขาบอกจะเลิกกับภรรยาให้เรารอ จนภรรยาเขาจับได้อีกครั้งว่าเรายังคุยกัน เราก็รับปากอีกว่าเราจะเลิกคุย แต่เราก็เลิกไม่ได้จริง ๆ เพราะมันรักไปแล้ว ตอนนี้เราแอบคุยกับเขาแต่มันทรมานมากค่ะ เราสามารถไปอยู่กับเขาที่บ้านได้ เพราะเขาอยู่คนเดียว แต่เราไม่สามารถเปิดตัวในโซเชียลได้ เพราะเขาก็ขึ้นสถานะว่าแต่งงานแล้ว มันเลยเหมือนว่าไม่สามารถทำให้เรารู้สึกเป็นตัวจริงได้เลย มันรู้สึกเจ็บมากเลยค่ะ เราจะทำยังไงดี ใจก็อยากรอให้เขาเลิกและหย่ากับภรรยาแบบที่เขาบอก แต่เขาบอกว่าเขาจะค่อย ๆ เลิกกับภรรยา เพราะกลัวภรรยาฟ้องค่ะ เราควรรอเขาต่อไปดีไหมคะ
- คำว่าเป็นเบอร์สอง เราก็ต้องอยู่แบบเบอร์สองต่อไป บางครั้งเหมือนว่าเรากำลังฝันอยู่ว่าเมื่อไหร่เราจะได้เป็นเบอร์หนึ่ง
- จงเลือกและอยู่ในจุดที่ใช่ในสิ่งที่เราปรารถนาจริง ๆ ไม่ใช่ว่าพอรู้ความจริงแล้วก็บอกว่า ฉันรักเขาไปแล้ว ฉันจึงยอมแบบนี้ไม่โอเค
- การใช้โซเชียลเป็นตัวชี้วัดว่าคน ๆ นี้มีแฟนไหม แต่งงานหรือยัง แบบนี้อาจจะช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่บางคนก็ไม่ได้ลงอะไรมาก
- ถ้าเรารู้ความจริงทั้งหมด แล้วเราอยากจะมีชีวิตที่มีความสุข สงบ และทรงพลังอย่างแท้จริง ให้เราเลือกทางที่ถูกต้อง
- ทั้งนี้ ถูกใจหรือถูกต้องจำเป็นจะต้องเลือกสรรให้ดี ๆ ไม่เช่นนั้นชีวิตเราจะถูกเหวี่ยงไปยังจุดที่ไม่ใช่ตลอดเวลา
-
ข้อความโพสต์จาก Robert Kiyosaki ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ต้องขอโทษด้วย ฉันหมายถึงการจะเป็นผู้ประกอบการและจะไม่ทำงานประจำอีกเด็ดขาด ขอบคุณ"
- มุมมองของการทำงานประจำกับการเป็นผู้ประกอบการ คือสิ่งที่เป็นเพียงแค่แง่มุมหนึ่งเท่านั้น
- ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่า เราจะต้องเดินทางไหน แต่ให้สอบทานตัวตนที่แท้จริงว่าเราต้องการสิ่งใด
- วาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เหมือนกับคำที่ว่าแข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้
- หน้าที่เราคือตัดสินใจ ขอโทษที่เราไม่ได้ทำงานประจำ แล้วก็ขอบคุณที่เราเลือกทางที่เป็นผู้ประกอบการ
- ทั้งนี้ ไม่มีทางใดที่ดีที่สุดในชีวิต จงเลือกเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก ห้ามเพิกเฉยสัญญาณในการเลือกอย่างเด็ดขาด
- もっと表示する