エピソード
-
“ที่ควรกระทำอย่างนั้น ก็เพราะได้รู้จักเวลาแล้วว่า เดี๋ยวนี้เป็นเวลาซึ่งเราทั้งหลายควรจะตื่นขึ้นจากหลับ “ด้วยว่าเวลาที่เราจะรอดนั้นก็ใกล้กว่าเวลาเมื่อเราได้เชื่อนั้น”. กลางคืนก็ล่วงไป, และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามาแล้ว เราทั้งหลายจงถอดทิ้งการของความมืด, และจงสวมใส่เครื่องอาวุธแห่งความสว่าง.
เราทั้งหลายจงประพฤติให้สมกับเวลากลางวัน มิใช่ในการเลี้ยงสนุกสนานเฮฮาเสพสุราและการเมากัน, มิใช่ในการเล่นโลนลามกและความใคร่, มิใช่ในการวิวาทขัดแย้งและอิจฉาริษยากัน,
แต่ท่านทั้งหลายจงประดับตัวด้วยพระเยซูคริสต์เจ้า, และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้บำเรอเนื้อหนัง, เพื่อจะให้สำเร็จตามความปรารถนาของเนื้อหนังนั้น”
โรม 13:11-14
-
“แท้จริงพระเจ้าดีต่อพวกยิศราเอล, คือดีต่อผู้ที่มีใจบริสุทธิ์. เมื่อข้าพเจ้าตริตรองว่าจะเข้าใจข้อความนี้ได้อย่างไร, ก็เจ็บใจเหลือเกิน; จนข้าพเจ้าได้เข้าไปในพระวิหารของพระเจ้า, และพิจารณาปลายชีวิตของเขา. ข้าพเจ้านี้เป็นคนหยาบคาย, และโง่เขลานัก; ข้าพเจ้าเป็นเหมือนสัตว์เดียรัจฉานต่อพักตรพระองค์. ถึงกระนั้นก็ดีข้าพเจ้ายังอยู่กับพระองค์เสมอ: พระองค์ได้ทรงยึดมือขวาของข้าพเจ้าไว้. พระองค์จะทรงนำข้าพเจ้าด้วยคำแนะนำของพระองค์, และภายหลังจะทรงรับข้าพเจ้าไปสู่พระรัศมี, บนสวรรค์นั้นข้าพเจ้าจะมีผู้ใดเล่านอกจากพระองค์? และที่แผ่นดินโลกไม่มีผู้ใดซึ่งข้าพเจ้าจะประสงค์นอกจากพระองค์. เนื้อหนังและจิตต์ใจของข้าพเจ้าเลื่อยล้าไป; แต่พระเจ้าเป็นพกำลังแห่งจิตต์ใจของข้าพเจ้าและเป็นส่วนมฤดกของข้าพเจ้าชั่วนิรันดร์. เพราะคนทั้งหลายที่อยู่ห่างไกลจากพระองค์จะต้องพินาศ: พระองค์ได้ทรงล้างผลาญบรรดาคนที่เล่นหญิงโสเภณีเสียแล้ว, คือคนที่ละทิ้งพระองค์ไป. แต่เป็นการดีที่ข้าพเจ้าเข้ามาใกล้พระองค์; ข้าพเจ้ารับเอาพระยะโฮวาเจ้ามาเป็นที่หลบภัยของข้าพเจ้าแล้ว, เพื่อข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงกิจการทั้งปวงของพระองค์”
บทเพลงสรรเสริญ 73:1, 16-17, 22-28
-
エピソードを見逃しましたか?
-
“สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล พระองค์ผู้เดียวที่กระทำสิ่งมหัศจรรย์ สรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ตลอดกาล ขอพระบารมีของพระองค์เต็มทั่วแผ่นดินโลก อาเมน และอาเมน”
สดุดี 72:18-19 NTV
-
“เหตุฉะนั้นดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย, โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวแก่พระองค์ เป็นเครื่องบูชาอันมีชีวิตอยู่, อันบริสุทธิ์, และเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า, ซึ่งเป็นการปฏิบัติฝ่ายวิญญาณที่สมเหตุสมผลของท่านทั้งหลาย. อย่าประพฤติตามอย่างชาวโลกนี้ แต่ว่าจงถูกเปลี่ยนแปลงโดยการเปลี่ยนความคิดใหม่, เพื่อท่านทั้งหลายจะได้สังเกต (พิสูจน์ได้ว่า) รู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้า ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบ และอะไรยอดเยี่ยม”
โรม 12:1-2
-
ข้าพเจ้าขอพึ่งพำนักในพระองค์, ขอทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยความชอบธรรมของพระองค์, ขอทรงโปรดฟัง และช่วยข้าพเจ้าให้รอด, พระองค์เป็นที่ลี้ภัยเข้มแข็งที่ข้าพเจ้าจะพึ่งอาศัยเสมอ, พระองค์ทรงรับสั่งแล้ว ให้ช่วยข้าพเจ้าให้รอด, พระองค์เป็นศิลา และเป็นป้อมของข้าพเจ้า, ขอพระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นเงื้อมมือคนชั่วร้าย คนอธรรม และคนดุร้าย, พระองค์เป็นที่หวังใจของข้าพเจ้า, เป็นที่วางใจของข้าพเจ้า, ทรงอุปถัมภ์ข้าพเจ้า, ข้าพเจ้าจะถวายความสรรเสริญพระองค์เสมอ, พระองค์เป็นที่พึ่งมั่นคงของข้าพเจ้า, ปากของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยคำสรรเสริญถวายพระองค์ และจะกล่าวถึงพระเกียรติของพระองค์ตลอดวันยังค่ำ, ขออย่าทรงสถิตอยู่ห่างไกล, ขอทรงรีบเสด็จมาช่วยข้าพเจ้า, ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์อยู่เสมอ และจะยังสรรเสริญพระองค์ยิ่งๆขึ้นไป, ปากข้าพเจ้าจะพรรณนาถึงความชอบธรรมของพระองค์และความรอดของพระองค์วันยังค่ำ, ข้าพเจ้าจะดำเนินไปในฤทธิ์เดชของพระองค์, จะกล่าวถึงความชอบธรรมของพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น, พระองค์ทรงฝึกสอนข้าพเจ้าตั้งแต่เด็กๆ, ข้าพเจ้าได้พรรณนาถึงการอัศจรรย์ของพระองค์จนถึงบัดนี้. แม้ว่าข้าพเจ้าชราผมหงอกแล้ว ขออย่าทรงละทิ้งข้าพเจ้า, จนกว่าข้าพเจ้าจะได้พรรณนาถึงพลานุภาพของพระองค์แก่คนชั่วอายุต่อๆมา ให้ทุกคนที่เกิดมานั้น รู้ถึงฤทธานุภาพของพระองค์. ความชอบธรรมของพระองค์ยิ่งใหญ่ไพศาลนัก, พระองค์ทรงกระทำกิจใหญ่ยิ่ง, มีผู้ใดเล่าจะเหมือนกับพระองค์, พระองค์ได้ทรงสำแดงความทุกข์ใหญ่หลวงและสาหัสให้ข้าพเจ้าเห็น พระองค์จะทรงโปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตเจริญขึ้นอีก, และจะทรงนำข้าพเจ้าขึ้นมาจากแผ่นดินโลก, พระองค์จะทรงเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้แก่ข้าพเจ้า, และทรงปลอบโยนข้าพเจ้าทุกด้าน. ข้าพเจ้าจะถวายสรรเสริญพระองค์ถึงความสัตย์จริงของพระองค์, ริมฝีปากและจิตของข้าพเจ้าที่ทรงไถ่ไว้แล้ว จะเปล่งเสียงยินดีเมื่อข้าพเจ้าร้องเพลงสรรเสริญพระองค์, ลิ้นของข้าพเจ้าจะเล่าถึงความชอบธรรมของพระองค์ตลอดวันยังค่ำ.
-
“โอ พระปัญญาและความรู้ของพระเจ้ามีอเนกอนันต์มากเท่าใด พระดำริของพระองค์เหลือที่จะเข้าใจได้, และทางทั้งหลายของพระองค์เหลือที่จะสืบเสาะได้! เพราะว่าใครเล่าได้รู้จักพระทัยของพระเจ้า? หรือใครเล่าเป็นที่ปรึกษาเตือนสติพระองค์? ด้วยว่าสิ่งสารพัตรเป็นมาจากพระองค์, และเป็นมาโดยพระองค์, และเป็นมาเพื่อพระองค์. จงถวายเกียรติยศแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์. อาเมน”
โรม 11:33-34, 36 TH1940
-
“ให้คนทั้งหลายที่แสวงหาพระองค์ มีความยินดีปรีดาในพระองค์; และให้ผู้ที่รักความรอดของพระองค์ กล่าวเสมอว่า, ขอให้พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่.
ฝ่ายข้าพเจ้าเป็นคนอนาถาและขัดสน, พระองค์เจ้าข้า, ขอโปรดรีบเสด็จมาหาข้าพเจ้า: พระองค์เป็นผู้อุปถัมภ์ และเป็นผู้ช่วยให้รอด (จนถึงที่สุด) ของข้าพเจ้า; ข้าแต่พระยะโฮวา, ขออย่าทรงเนิ่นช้าเลย”
บทเพลงสรรเสริญ 70:4-5
-
“ด้วยว่าเขาไม่ได้รู้จักความชอบธรรมของพระเจ้า, แต่ได้อุสส่าห์ที่จะตั้งความชอบธรรมของตัวเองขึ้น, เขาจึงมิได้ยอมตัวอยู่ในความชอบธรรมของพระเจ้า. เพราะว่าพระคริสต์นั้นเป็นผู้ที่จะทำให้พระบัญญัติสำเร็จ, เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อนั้นได้ความชอบธรรม”
โรม 10:3-4
-
“ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายสรรเสริญพระนามของพระเจ้า, และจะยกย่อง (อวด) พระองค์โดยขอบพระเดชพระคุณ. การนั้นจะเป็นที่ชอบพระทัยพระยะโฮวา ยิ่งกว่าการถวายวัวเป็นเครื่องบูชายัญ, หรือโคผู้ที่มีเขาและกีบ. คนมีใจถ่อมลงเห็นแล้ว ก็พากันยินดี; ท่านทั้งหลายที่แสวงหาพระเจ้า ใจของท่านก็จะฟื้นชื่นขึ้น (เบิกบานใจ). เพราะพระยะโฮวาสดับฟังคนขัดสน, และไม่ดูหมิ่นผู้ถูกจำจอง (นักโทษ) ของพระองค์. เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยกรุงซีโอนไว้ให้รอด, และจะทรงสร้างหัวเมืองทั้งหลายของตระกูลยูดา; เขาทั้งหลายจะได้อาศัยอยู่ที่นั่น, และได้ไว้เป็นกรรมสิทธิ์. พงศ์พันธุ์ของพวกทาสของพระองค์กลับจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก; และคนทั้งหลายที่รักพระนามของพระองค์ จะได้อาศัยอยู่ในนั้น”
บทเพลงสรรเสริญ 69:30-33, 35-36
-
“…เพราะว่าเขาทั้งหลายที่เกิดมาแต่พวกยิศราเอลนั้น หาได้เป็นชาติยิศราเอลแท้สิ้นทุกคนไม่ คือว่าเขาเหล่านั้นที่เป็นลูกตามเนื้อหนัง จะนับเป็นบุตรของพระเจ้าไม่ได้, แต่ลูกแห่งคำทรงสัญญานั้น จึงจะนับเป็นเชื้อสายได้.”
“…เพื่อพระดำริของพระเจ้าตามซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้ จะตั้งมั่นคงอยู่, มิใช่ตามการประพฤติ, แต่ตามพระองค์ผู้ทรงเลือกไว้, เหตุฉะนั้นจะเป็นตามใจปรารถนาหรือตามใจผู้วิ่งไปนั้นก็หามิได้, แต่เป็นตามพระทัยพระเจ้าผู้ทรงสำแดงความเมตตา.”
“และเพื่อจะได้ทรงสำแดงสง่าราศีอันอุดมของพระองค์ แก่ผู้เหล่านั้นที่เป็นเครื่องภาชนะแห่งความเมตตา, ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ก่อนให้สมกับสง่าราศีนั้น, คือเราทั้งหลายที่พระองค์ได้ทรงเรียกมาแล้ว,“
”และการนี้จะบังเกิดมาคือว่าในที่ซึ่งพระองค์ตรัสแก่เขาว่า, “เจ้าทั้งหลายหาได้เป็นพลไพร่ของเราไม่,“ ในที่นั้นเอง เขาทั้งหลายจะได้ชื่อว่า เป็นบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วเราทั้งหลายจะว่าอย่างไร? ก็จะว่า พวกต่างประเทศที่มิได้ประพฤติตามความชอบธรรม ยังได้รับความชอบธรรม, คือความชอบธรรมที่เกิดแต่ความเชื่อ. แต่พวกยิศราเอลนั้นซึ่งประพฤติตามบัญญัติแห่งความชอบธรรม, ยังไม่ได้บรรลุถึงบัญญัติแห่งความชอบธรรมนั้น. เพราะเหตุอะไร? เหตุที่เขามิได้แสวงหาโดยความเชื่อ, แต่ได้แสวงหาโดยการประพฤติ. เขาได้สะดุดที่หินสะดุดนั้น (ไม่เชื่อฟังพระคำของพระเจ้า 1 ปต. 2:8)”
โรม 9:6, 8, 11, 16, 23-24, 26, 30-32
-
“ความบรมสุขจงมีแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า, ผู้ทรงแบกภาระของพวกเราทุกๆ วัน, ที่จริงก็เป็นพระเจ้าแห่งความรอดของพวกเรา. พระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ทรงช่วยให้เรารอด; และทางที่ให้พ้นจากความตายนั้นเป็นของพระยะโฮวาเจ้า. พระเจ้าของท่านได้ทรงประธานกำลังท่าน: ข้าแต่พระเจ้า, กิจการใหญ่ยิ่งซึ่งทรงกระทำสำหรับพวกข้าพเจ้าแล้ว ขอทรงบำรุงไว้ให้มั่นคง.”
บทเพลงสรรเสริญ 68:19-20, 28
-
“ข้าแต่พระเจ้า, ขอทรงพระกรุณา, และอวยพรแก่พวกข้าพเจ้า, และทรงโปรดให้รัศมีพระพักตรส่องแสงสว่างแก่พวกข้าพเจ้า; เพื่อมนุษย์โลกจะได้รู้ทางซึ่งพระองค์ทรงดำเนินนั้น, ชนทุกชาติจะได้รู้ความรอดที่มาแต่พระองค์. ข้าแต่พระเจ้า, ให้ชนนานาประเทศสรรเสริญพระองค์; ให้ชนประเทศทั้งสิ้นยกย่องสรรเสริญพระองค์.”
บทเพลงสรรเสริญ 67:1-3 TH1940
-
“เพื่อความชอบธรรมของพระบัญญัติจะได้สำเร็จในพวกเรา, ผู้ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ. เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของๆ เนื้อหนัง, แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของๆ พระวิญญาณ. ด้วยว่าซึ่งมีใจสมกับเนื้อหนังก็คือความตาย, และซึ่งมีใจสมกับพระวิญญาณก็คือชีวิตและความสันติสุข เหตุว่าใจสมกับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า เพราะว่าหาได้อยู่ใต้บังคับพระบัญญัติของพระเจ้าไม่, และจะอยู่ใต้บังคับพระบัญญัตินั้นไม่ได้ และคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังจะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้”
โรม 8:4-8
-
“จงร้องเพลงถวายเกียรติยศแก่พระนามของพระองค์: ให้ความสรรเสริญนั้นเป็นสง่าราศีแก่พระองค์. จงทูลพระเจ้าว่า, กิจการที่พระองค์ทรงกระทำนั้นน่ายำเกรงจริง, เพราะด้วยฤทธิ์เดชใหญ่หลวงของพระองค์ พวกศัตรูจึงยอมจำนนต่อพระองค์.”
บทเพลงสรรเสริญ 66:2-3
-
“เช่นนั้นแหละ, พี่น้องทั้งหลาย, ท่านทั้งหลายได้ตายแก่พระบัญญัติโดยพระกายของพระคริสต์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เข้าอยู่กับผู้อื่น, คือพระองค์นั้นที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว, เพื่อเราทั้งหลายจะได้เกิดผลถวายพระเจ้า. เพราะว่าเมื่อเราทั้งหลายมีชีวิตอยู่ตามเนื้อหนัง, ตัณหาชั่วซึ่งปรากฏโดยพระบัญญัติได้กระทำให้ส่วนอาการกายของเราเกิดผลถึงแก่ความตาย. แต่บัดนี้เราได้พ้นจากพระบัญญัติ, คือได้ตายแก่พระบัญญัติที่ได้บังคับเราเมื่อก่อน, เพื่อเราทั้งหลายจะได้ปรนนิบัติพระเจ้าตามลักษณะใหม่ของพระวิญญาณ, มิใช่ตามตัวอักษรในพระบัญญัติเก่า”
โรม 7:4-6
-
ให้เราถวายตัวของเราแก่พระเจ้าดีกว่า
“เหตุฉะนั้นอย่าให้ความบาปครอบงำกายของท่านทั้งหลายที่ต้องตาย อย่าเชื่อฟังตัณหาของกายนั้น. อย่าให้อวัยวะของท่านเป็นเครื่องใช้ในการอธรรม แต่จงถวายตัวของท่านแก่พระเจ้า เหมือนหนึ่งคนที่ขึ้นมาจากความตายแล้ว, และจงให้อวัยวะเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายพระเจ้า. ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า ท่านจะยอมตัวรับใช้ฟังคำของผู้ใดท่านก็เป็นทาสของผู้นั้น, คือเป็นทาสกระทำผิดจนถึงความตายก็ดี, หรือฟังประพฤติการดีจนถึงความชอบธรรมก็ดี. เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายเป็นทาสของความบาป, ท่านก็ปราศจากความชอบธรรม. แต่เดี๋ยวนี้ทรงโปรดให้ท่านทั้งหลายพ้นจากเป็นทาสแห่งความบาป, และให้เป็นทาสของพระเจ้าแล้ว ท่านทั้งหลายจึงมีความบริสุทธิ์เป็นผล, และที่สุดปลายจะมีชีวิตนิรันดร์.”
โรม 6:12-13, 16, 20, 22
-
ความผิดนำไปถึงความตาย แต่พระกรุณาคุณโดยความชอบธรรมให้เกิดมีชีวิตนิรันดร์
“เหตุฉะนั้น เมื่อเราทั้งหลายเป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว, เราจึงเป็นไมตรีกันกันพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา. โดยพระเยซูนั้นเราทั้งหลายจึงได้เข้าในร่มพระคุณที่เรายืนอยู่นั้น, และเรามีความชื่นชมยินดี ด้วยมีความไว้ใจว่าจะได้รับรัศมีของพระเจ้า. และมิใช่เท่านั้น แต่เราทั้งหลายยังมีความภูมิใจในความยากลำบากด้วย, เพราะรู้อยู่แล้วว่าความยากลำบากนั้นกระทำให้บังเกิดมีความอดทน, และความอดทนนั้นกระทำให้บังเกิดมีอุปนิสสัยดี, และอุปนิสสัยดีนั้นกระทำให้บังเกิดมีความหวังใจ, และความหวังใจนั้นมิได้กระทำให้เกิดความเสียใจเพราะไม่สมหวัง, เหตุว่าความรักของพระเจ้าได้ซึมซาบเข้าไปในใจของเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงประทานให้แก่เราทั้งหลายแล้ว”
โรม 5:1-5
-
“ท่านมิได้หวาดหวั่นสงสัยคำสัญญาของพระเจ้า, แต่ท่านมีความเชื่อมั่นคง, จึงถวายเกียรติยศแก่พระเจ้า, และถือมั่นคงว่า ซึ่งพระองค์ตรัสสัญญาไว้แล้ว พระองค์ทรงฤทธิ์อาจกระทำให้สำเร็จได้. เหตุฉะนั้น ความเชื่อของท่านก็ได้ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมให้แก่ท่าน.”
โรม 4:20-22 TH1940 -
“ข้าแต่พระเจ้า, ความสรรเสริญมีแก่พระองค์ในเมืองซีโอน; และคำที่บนไว้นั้น จะต้องแก้ให้สำเร็จต่อพระองค์. ข้าแต่พระองค์ผู้สดับคำอธิษฐาน, บรรดามนุษย์โลกจะได้เข้ามาเฝ้าพระองค์. ความสุขย่อมมีแก่คนนั้นที่ถูกเลือกไว้ให้เข้าใกล้พระองค์, เพื่อเขาจะได้อาศัยอยู่ภายในบริเวณของพระองค์: ข้าพเจ้าทั้งหลายจะอิ่มหนำด้วยสิ่งของอันประเสริฐในพระมหามณเฑียร, คือพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์. ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของพวกข้าพเจ้า, พระผู้เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของคนทุกมุมโลก, และของคนที่อยู่ไกลพ้นทะเลไป:”
บทเพลงสรรเสริญ 65:1-2, 4-5 -
“แต่เดี๋ยวนี้ ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ทรงปรากฏนอกเหนือจากพระบัญญัติ, พระบัญญัติกับเหล่าศาสดาพยากรณ์ก็เป็นพะยานอยู่, คือความชอบธรรมของพระเจ้าซึ่งประทานแก่คนทั้งปวงโดยความเชื่อที่เขาได้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เพราะว่าไม่ทรงเห็นว่าคนทั้งหลายต่างกัน เหตุว่าคนทั้งปวงได้ทำผิดทุกคน, และขาดการถวายเกียรติยศแก่พระเจ้า, แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดค่า เพราะพระเยซูทรงไถ่เขาให้พ้นแล้ว. พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูนั้นไว้ให้ปรากฏเป็นที่ระงับพระพิโรธ เพราะความเชื่อโดยพระโลหิตของพระองค์, เพื่อจะได้สำแดงความชอบธรรมของพระองค์ ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ และได้ทรงยกความผิดที่ล่วงไปแล้วนั้น, และจะได้สำแดงความชอบธรรมของพระองค์ในเวลาปัจจุบันนี้, เพื่อจะได้ปรากฎว่า พระองค์เป็นผู้ชอบธรรม, และยังทรงโปรดแก่คนที่เชื่อในพระเยซู ให้เป็นผู้ชอบธรรมด้วย”
โรม 3:21-26 - もっと表示する