Episodios

  • ““เรา​เป็น​ต้น​องุ่น​แท้, และ​พระ​บิดา​ของ​เรา​เป็น​ผู้รักษา (ต้นองุ่น). ทุก​กิ่ง​ใน​เรา​ที่​มิได้​เกิดผล​ พระ​องค์​ทรง​ตัด​ทิ้ง​เสีย, และ​ทุก​กิ่ง​ที่​เกิดผล​ พระ​องค์​ทรง​ลิด​แขนง​เพื่อ​จะ​ให้​เกิด​ผล​มาก​ขึ้น.”

    “บัดนี้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ถูก​​ชำระ​ให้​สะอาด​โดย​คำ​ที่​เรา​ได้​กล่าว​แก่​ท่าน​แล้ว​. จง​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา, และ​เรา​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​ท่าน. กิ่ง​จะ​เกิด​ผล​เอง​ไม่​ได้ ​เว้น​ไว้​ติด​อยู่​กับ​ต้น​ฉัน​ใด. ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เกิดผล​ไม่ได้ ​เว้น​ไว้​ได้​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา​ฉัน​นั้น.”

    “เรา​เป็น​ต้น​องุ่น, ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​กิ่ง ผู้ใด​ที่​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา ​และ​เรา​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เขา, ผู้​นั้น​จะ​เกิด​ผล​มาก เพราะ​ถ้า​นอก​จาก​เรา​แล้ว​ ท่าน​จะ​ทำ​สิ่ง​ใด​ไม่ได้​เลย. ถ้า​ผู้ใด​มิได้​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา, ผู้​นั้น​ต้อง​ถูก​ทิ้ง​เสีย​เหมือน​กิ่ง, แล้ว​ก็​เหี่ยว​แห้ง​ไป, และ​เขา​รวบรวม​ไว้​ ทิ้ง​ใน​ไฟ​เผา​เสีย.”

    “ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เข้า​สนิท​ (ฝัง) อยู่​ใน​เรา, และ​ถ้อยคำ​ของ​เรา​ฝัง​อยู่​ใน​ท่าน ท่านจะ​ขอ​สิ่ง​ใด​ซึ่ง​ท่าน​ปรารถนา​ ก็​จะ​ทรงทำสิ่ง​นั้นเพื่อท่าน”

    “พระ​บิดา​ของ​เรา​ได้​รับ​เกียรติยศ​เพราะ​สิ่ง​นี้, คือ​เมื่อ​ท่าน​เกิด​ผล​มาก, ท่าน​ทั้ง​หลาย​จึง​เป็น​สาวก​ของ​เรา.””

    “ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ประพฤติ​ตาม​บัญญัติ​ของ​เรา, ท่าน​จะ​ตั้ง​มั่นคง​ (เข้าสนิท) อยู่​ใน​ความ​รัก​ของ​เรา เหมือน​เรา​ได้​ประพฤติ​ตาม​พระ​บัญญัติ​ของ​พระ​บิดา, และ​ตั้ง​มั่นคง​ (เข้าสนิท) อยู่​ใน​ความ​รัก​ของ​พระ​องค์ นี่​แหละ​เป็น​บัญญัติ​ของ​เรา, คือ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รัก​กัน​และ​กัน​เหมือน​เรา​ได้​รัก​ท่าน ความ​รัก​ใหญ่​กว่า​นี้​ไม่​มี, คือ​ว่า​ซึ่ง​ผู้​หนึ่ง​ผู้ใด​จะ​สละ​ชีวิต​ของ​ตัว​เพื่อ​มิตร​สหาย​ของ​ตน. ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ประพฤติ​ตาม​ที่​เรา​สั่ง​ท่านๆ จะ​เป็น​มิตร​สหาย​ของ​เรา. ท่าน​ทั้ง​หลาย​มิได้​เลือก​เรา, แต่​เรา​ได้​เลือก​ท่าน​ทั้ง​หลาย. และ​ได้​ตั้ง​ท่าน​ไว้​เพื่อ​ท่าน​จะ​ไป​เกิด​ผล. และ​ผล​ของ​ท่าน​จะ​อยู่​ถาวร เพื่อ​เมื่อ​ท่าน​จะ​ขอ​สิ่ง​ใด​จาก​พระ​บิดา​ใน​นาม​ของ​เรา, พระ​องค์​จะ​ทรง​ประทาน​สิ่ง​นั้น​แก่​ท่าน.”

    ‭‭โย​ฮัน‬ ‭15‬:‭ 1-8, 10‬, ‭12‬-‭14‬, ‭16‬

  • “ฝ่าย​ข้าพ​เจ้า, ข้าพ​เจ้า​จะ​ร้อง​ทูล​พระเจ้า; และ​พระ​ยะ​โฮ​วา​จะ​ทรง​ช่วย​ข้าพ​เจ้า​ให้​รอด. พระองค์​ได้​ทรง​ไถ่​ชีวิต​จิตของ​ข้าพ​เจ้า​ให้​เป็น​สงบสุข​ พ้น​จาก​สงคราม​ที่​ยก​มา​สู้​ข้าพ​เจ้า; เพราะ​คน​ที่​รบ​สู้​ข้าพ​เจ้า​มี​มาก. พระองค์, คือ​พระเจ้า​ที่​ทรง​ประทับ​อยู่​บน​พระที่นั่ง​แต่​กาล​โบราณ, จะ​ทรง​ฟัง, และ​ทรง​แก้แค้น​เขา​เหล่านั้น, คือ​เหล่า​คน​ที่​ไม่​รู้​เปลี่ยนใจ (do not change), และ​ไม่​เกรงกลัว​พระเจ้า. เขา​ได้​ยื่น​มือ​ออก​ต่อสู้​คน​ที่​เป็นมิตร​กับ​เขา: เขา​ได้​หักคำสัญญา​ไมตรี​ของ​ตน​แล้ว. ปาก​เขา​ปราศรัย​ แต่​น้ำใจ​เขา​เชือด​คอ: วาจา​ของ​เขา​อ่อนโยน​กว่า​น้ำมัน, แต่ว่า​คม​เหมือน​ดาบ​ที่​ชัก​ออก​จาก​ฝัก. จง​ทอด​ภาระ​ของ​ท่าน​ไว้​กับ​พระ​ยะ​โฮ​วา, และ​พระองค์​จะ​ทรง​เป็น​ธุระ​ให้ (ค้ำชู): พระองค์​จะ​ไม่​ยอม​ให้​คน​ชอบธรรม​แตกฉานซ่านเซ็น​ (คลอนแคลน, ล้มลง) ไป.”

    ‭‭บทเพลง​สรรเสริญ‬ ‭55‬:‭16‬, ‭18‬-‭22‬

  • ¿Faltan episodios?

    Pulsa aquí para actualizar resultados

  • ““อย่า​ให้​ใจ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​วิตก​เลย ท่าน​วางใจ​ใน​พระ​เจ้า. จง​วางใจ​ใน​เรา​ด้วย.
    เรา​จะ​มา​อีก​รับ​ท่าน​ให้​ไป​อยู่​กับ​เรา เพื่อ​เรา​อยู่​ที่​ไหน​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย. เรา​จะ​ไป​ทาง​ไหน ท่านก็รู้, ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้จัก​ทาง​นั้น.” พระ​เยซู​ตรัส​แก่​เขา​ว่า, “เรา​เป็น​ทาง​นั้น, เป็น​ความ​จริง, และ​เป็น​ชีวิต ไม่​มี​ผู้ใด​มาถึง​พระ​บิดา​เว้น​ไว้​มา​ทาง​เรา ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​รู้จัก​เรา​แล้ว, ท่าน​ก็​จะ​ได้​รู้จัก​พระ​บิดา​ของ​เรา​ด้วย ตั้ง​แต่​นี้​ไป​ท่าน​ก็​รู้จัก​พระ​องค์​และ​ได้​เห็น​พระ​องค์.”
    เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า, ผู้​ที่​วางใจ​ใน​เรา กิจการ​ซึ่ง​เรา​กระทำ​นั้น​เขา​จะ​กระทำ​ด้วย และ​เขา​จะ​กระทำ​การ​ใหญ่​กว่า​นั้น​อีก, เพราะ​เรา​ไป​ถึง​พระ​บิดา​ของ​เรา.
    ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รัก​เรา, ท่าน​ก็​จะ​ประ​พฤติ​ตาม​บัญญัติ​ของ​เรา.
    เรา​จะ​ขอ​พระ​บิดา, และ​พระ​องค์​จะ​ทรง​ประทาน​ผู้ช่วย​อีก​ผู้​หนึ่ง​แก่​ท่าน, เพื่อ​จะ​อยู่​กับ​ท่าน​เป็น​นิตย์. คือ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​ความ​จริง ผู้​นั้น​โลก​รับ​ไม่ได้, เพราะ​ไม่​เห็น​และ​ไม่​รู้จัก​พระ​องค์ ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้จัก​พระ​องค์, เพราะว่า​พระ​องค์​อาศัย​อยู่​กับ​ท่าน และ​อยู่​ภายใน​ท่าน
    ผู้​ที่​มี​บัญญัติ​ของ​เรา​และ​ประพฤติ​ตาม​บัญญัติ​นั้น, ผู้​นั้น​แหละ​รัก​เรา, และ​ผู้​ที่​รัก​เรา​พระ​บิดา​ของ​เรา​จะ​ทรง​รัก​ผู้​นั้น, และ​เรา​จะ​รัก​เขา และ​จะ​สำแดง​ตัว​ของ​เรา​เอง​ให้​ปรากฏ​แก่​เขา,”
    พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า, “ถ้า​ผู้ใด​รัก​เรา, ผู้​นั้น​จะ​ประพฤติ​ตาม​คำ​ของ​เรา และ​พระ​บิดา​จะ​ทรง​รัก​เขา, แล้ว​พระ​บิดา​กับ​เรา​จะ​มา​หา​เขา, และ​จะ​สถิต​อยู่​กับ​เขา ผู้​ที่​มิได้​รัก​เรา, ผู้​นั้น​มิได้​ประพฤติ​ตาม​คำ​ของ​เรา คำ​ซึ่ง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​ไม่ใช่​คำ​ของ​เรา, แต่​เป็น​คำ​ของ​พระ​บิดา​ที่​ทรง​ใช้​เรา​มา.”
    แต่​พระ​องค์​ผู้ช่วย​นั้น​คือ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​ที่​พระ​บิดา​จะ​ทรง​ใช้​มา​ใน​นาม​ของ​เรา. พระ​องค์​นั้น​จะ​สอน​ท่าน​ทุก​สิ่ง. และ​จะ​ให้​ท่าน​ระลึก​ถึง​ทุก​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​กล่าว​แก่​ท่าน​แล้ว. เรา​มอบ​ความสุข​ไว้​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย ความสุข​ของ​เราๆ ให้​แก่​ท่าน​เรา​ให้​แก่​ท่าน​ไม่​เหมือน​โลก​ให้. อย่า​ให้​ใจ​ของ​ท่าน​เป็น​ทุกข์. อย่า​กลัว​เลย.”

    ‭‭โย​ฮัน‬ ‭14‬:‭1‬, ‭3‬-‭4‬, ‭6‬-‭7‬, ‭12‬, ‭15‬-‭17‬, ‭21‬, ‭23‬-‭24‬, ‭26‬-‭27

  • “ข้า​แต่​พระเจ้า, ขอ​ทรง​ช่วย​ข้าพ​เจ้า​โดย​พระ​นาม​ของ​พระองค์, ขอ​ทรง​ตัดสิน​ความ​ของ​ข้าพ​เจ้า​โดย​ฤทธิ์เดช​ของ​พระองค์. ข้า​แต่​พระเจ้า, ขอ​ทรง​โปรด​สดับ​ฟัง​คำอธิษฐาน​ของ​ข้าพ​เจ้า; ขอ​พระองค์​เงี่ย​พระ​กรรณ​ลง​ฟัง​วาจา​ของ​ข้าพ​เจ้า. เพราะ​แขกเมือง​ลุก​ขึ้น​ต่อสู้​ข้าพ​เจ้า, คน​โหดร้าย​แสวงหา​ชีวิต​ของ​ข้าพ​เจ้า: เขา​ทั้ง​หลาย​ไม่​ยก​พระเจ้า​ไว้​ต่อหน้า​เขา​เลย. ดู​เถิด, พระเจ้า​เป็น​ผู้​ทรง​ช่วย​ข้าพ​เจ้า: พระองค์​ป้องกัน​ชีวิต​ของ​ข้าพ​เจ้า​ไว้.”

    ‭‭บทเพลง​สรรเสริญ‬ ‭54‬:‭1‬-‭4‬ ‭TH1940‬‬

  • ”เมื่อก่อน​การ​เลี้ยงปัศ​คา​ พระ​เยซู​ทรง​ทราบ​ว่า​เวลา​มาถึง​แล้ว​ ที่​พระ​องค์​จะ​ออก​จาก​โลก​ไป​ยัง​พระ​บิดา, พระ​องค์​ทรง​รัก​พวก​ศิษย์​ของ​พระ​องค์​ซึ่ง​อยู่​ใน​โลก​นี้​แล้ว, พระ​องค์​ยัง​ทรง​รัก​เขา​จนถึง​ที่สุด. แล้ว​พระ​องค์​จึง​เอา​น้ำ​เท​ใน​อ่าง, แล้ว​ทรง​ล้าง​เท้า​ของ​เหล่า​สาวก. และ​เช็ด​ด้วย​ผ้า​ที่​คาด​เอว​ไว้​นั้น. เปโตร​จึง​ทูล​ว่า. “พระ​องค์​จะ​ล้าง​เท้า​ของ​ข้าพ​เจ้า​ไม่ได้​เลย.” พระ​เยซู​จึง​ตรัส​ตอบ​ว่า, “ถ้า​เรา​ไม่​ล้าง​ท่าน​แล้ว, ท่าน​จะ​มี​ส่วน​ใน​เรา​ไม่ได้.”

    พระ​เยซู​ตรัส​แก่​เขา​ว่า. “ผู้​ที่​อาบน้ำ​แล้ว​ไม่​ต้องการ​ล้าง​ตัว​อีก​ เว้น​แต่​เท้า”

    เหตุ​ฉะนั้น​ถ้า​เรา​ผู้​เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้าและ​อาจารย์​ ได้​ล้าง​เท้า​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลายๆ ควร​จะ​ล้าง​เท้า​ซึ่ง​กัน​และ​กัน. ด้วย​ว่า​เรา​ได้​วาง​แบบ​อย่าง​ให้​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​แล้ว, เพื่อให้​ท่าน​ทำ​เหมือน​ที่​เรา​ได้​กระทำ​แก่​ท่าน. ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้​สิ่ง​เหล่านั้น​แล้ว​ และ​ประพฤติ​ตาม, ท่าน​ก็​จะ​เป็น​สุข.

    เรา​ให้​บัญญัติ​ใหม่​ไว้​แก่​เจ้า​ทั้ง​หลาย, คือ​ให้​เจ้า​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน. เรา​รัก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​มา​แล้ว​ฉัน​ใด, เจ้า​จง​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​ด้วย​ฉัน​นั้น.“

    ‭‭โย​ฮัน‬ ‭13‬:‭1‬, ‭5‬, ‭8‬, ‭10‬, ‭14‬-‭15‬, ‭17‬, ‭34‬ ‭TH1940‬‬

  • ”พระเจ้า​ได้​ทอด​พระเนตร​ลง​มา​จาก​สวรรค์​ดู​มนุษย์​ชาติ, ประสงค์​จะ​เห็น​ว่า​มีผู้ใด​ที่มีความเข้าใจ, คือผู้ที่​แสวงหา​พระเจ้า.

    โอ, ขอ​ให้ความ​รอด​ที่​จะ​ให้แก่​พวก​ยิศ​รา​เอล, ได้​ออก​มา​จาก​เมือง​ซี​โอน! เมื่อครั้ง​พระเจ้า​โปรด​นำ​พล​ไพร่​ของ​พระองค์​ที่​ได้​ตก​ไป​เป็น​ชะ​เลย, แล้ว​ยา​โค​บ​จะ​ชื่นชม, และ​พวก​ยิศ​รา​เอล​จะ​ยินดี“

    ‭‭บทเพลง​สรรเสริญ‬ ‭53‬:‭2‬, ‭6‬

  • ”ฝ่าย​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า, “เวลา​ที่​บุตร​มนุษย์​จะ​รับ​สง่า​ราศี​นั้น​มา​ถึง​แล้ว. เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า, ถ้า​เมล็ด​ข้าว​ไม่ได้​ตก​ลง​ใน​ดิน​และ​เปื่อย​เน่า​ไป​ ก็​จะ​อยู่​เป็น​เมล็ด​เดียว, แต่​ถ้า​เปื่อย​เน่า​ไป​แล้ว จะ​งอก​ขึ้น​เกิดผล​มาก. ผู้​ที่​รัก​ชีวิต​ของ​ตน​จะ​เสีย​ชีวิต, และ​ผู้​ที่​ชัง​ชีวิต​ของ​ตน​ใน​โลก​นี้​จะ​รักษา​ชีวิต​นั้น​ไว้​นิ​รันดร์. ถ้า​ผู้ใด​จะ​ปรนนิบัติ​เรา, ให้​ผู้​นั้น​ตาม​เรา​มา และ​เรา​อยู่​ที่​ไหน​ ผู้​ปรนนิบัติ​เรา​จะ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย ถ้า​ผู้ใด​ปรนนิบัติ​เรา, พระ​บิดา​ของ​เรา​จะ​ทรง​โปรด​ประทาน​ยศ​ศักดิ์​ให้​แก่​ผู้​นั้น.

    พระ​เยซู​ตรัส​แก่​เขา​ว่า, “ความ​สว่าง​จะ​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​อีก​หน่อย​หนึ่ง. เมื่อ​ยัง​มี​ความ​สว่าง​อยู่ ​จง​เดิน​ไป​เถิด, เพื่อ​จะ​ไป​ถึง​ก่อน​มืด ผู้​ที่​เดิน​ใน​ความ​มืด​ ไม่​รู้​ว่า​ไป​ทาง​ไหน. เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ยัง​มี​ความ​สว่าง​อยู่, จง​วางใจ​ใน​ความ​สว่าง​นั้น, เพื่อ​จะ​ได้​เป็น​ลูก​แห่ง​ความ​สว่าง.” เรา​มา​เป็น​ความ​สว่าง​ใน​โลก, เพื่อ​ทุก​คน​ที่​วางใจ​ใน​เรา​จะ​มิได้​อยู่​ใน​ความ​มืด ถ้า​ผู้ใด​ได้​ยิน​ถ้อยคำ​ของ​เรา​และ​มิได้​เชื่อ, เรา​ก็​มิได้​พิพากษา​ผู้​นั้น เพราะว่า​เรา​มิได้​มา​เพื่อ​จะ​พิพากษา​โลก, แต่​มา​เพื่อ​จะ​ช่วย​โลก​ให้​รอด. ถ้า​ผู้ใด​ไม่​ยอมรับ​เรา​และ​ไม่​รับ​คำ​ของ​เรา, ผู้​นั้น​มี​สิ่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​จะ​พิพากษา​เขา​คือ คำ​ที่​เรา​ได้​กล่าว​นั้น​แหละ​จะ​พิพากษา​เขา​ใน​วัน​ที่สุด.“

    ‭‭โย​ฮัน‬ ‭12‬:‭23‬-‭26‬, ‭35‬-‭36‬, ‭46‬-‭48‬ ‭TH1940

  • ”เจ้าคนเก่งกล้าเอ๋ย ทำไมจึงโอ้อวดในการชั่ว? ทำไมยังคงยโสโอหังอยู่ทุกวี่วัน? เจ้าผู้เป็นตัวอัปยศในสายพระเนตรของพระเจ้า ลิ้นของเจ้าวางแผนทำลายล้าง ดั่งมีดโกนคมกริบ เจ้าตวัดลิ้นตลบตะแลง (ทำให้เข้าใจผิด หรือทำให้หลงผิด) เจ้ารักความชั่วมากกว่าความดี และรักความเท็จยิ่งกว่าการพูดความจริง เสลาห์ เจ้ารักคำพูดให้ร้ายทุกคำ เจ้าคนร้อยลิ้นกะลาวน! แน่ทีเดียว พระเจ้าจะนำเจ้าสู่ความพินาศนิรันดร์ พระองค์จะทรงกระชากเจ้าออกจากเต็นท์ของเจ้า พระองค์จะทรงถอนรากถอนโคนเจ้าจากแดนผู้มีชีวิต เสลาห์“

    ‭‭สดุดี‬ ‭52‬:‭1‬-‭5‬ ‭TNCV‬‬

  • หลังจากที่ยาโคบได้บอกเหตุที่จะบังเกิดแก่ลูกทั้งหลายในเวลาภายหน้าเสร็จแล้ว ก็ยกเท้าขึ้นบนที่นอน แล้วก็สิ้นชีพไป โยเซฟจึงสั่งให้พวกหมออาบยารักษาศพบิดาไว้ แล้วไว้ทุกข์ถึง 40 วัน และได้ขออนุญาตฟาโรห์ว่า บิดาได้ให้ตนสาบานตัวไว้ว่าจะฝังศพไว้ในอุโมงค์ ณแผ่นดินคะนาอัน จึงขออนุญาตไปฝังศพ แล้วจะกลับมา ฟาโรห์ก็ให้อนุญาต คราวนั้นนอกจากโยเซฟกับพวกพี่น้องและวงศ์ญาติ ยังมีมหาดเล็ก ข้าราชการผู้ใหญ่ บรรดาผู้หัวหน้าทั่วแผ่นดินก็ตามไปในขบวนแห่ศพด้วย เมื่อฝังเสร็จแล้วก็กลับมาประเทศอายคุดโต พี่ชายโยเซฟ เห็นว่าบิดาตายแล้ว น่ากลัวโยเซฟจะแก้แค้นพวกตน จึงใช้คนไปเรียนโยเซฟว่า บิดาก่อนสิ้นใจได้สั่งไว้ให้ท่านยกความผิดของพวกพี่ชายท่าน และพวกเขามากราบลงต่อหน้าโยเซฟโยเซฟจึงปลอบประโลมใจพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลยเราเป็นผู้แทนพระเจ้าหรือ พวกท่านได้คิดทำร้ายแก่เราจริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดี อย่างที่บังเกิดในวันนี้แล้ว คือช่วยชีวิตมนุษย์เป็นอันมากให้รอด อย่ากลัวเลย เราจะบำรุงเลี้ยงพวกท่านทั้งบุตรทั้งหลายด้วย”. โยเซฟมีอายุได้ 110 ปีก็ตาย และเมื่อจวนจะตายแล้วก็ให้พงศ์พันธ์ญอิสราเอลสาบานตัวบอกว่า พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่าน แล้วท่านจะต้องขนกระดูกของเราออกไปจากเมืองนี้.

  • อยู่มาภายหลังมีคนมาบอกโยเซฟว่า บิดาของท่านป่วย โยเซฟก็พามะนาเซและเอฟรายิม บุตรทั้งสองของตนไปเพื่อให้ยาโคบอวยพร ยาโคบจึงพูดกับโยเซฟว่าบุตรทั้งสองของเจ้าที่เกิดในแผ่นดินอายคุปโต ก็เป็นบุตรของเราด้วย เมื่ออวยพร อิสราเอลได้เหยียดมือขวาวางบนศีรษะเอฟรายิมผู้น้อง และมือซ้ายวางไว้บนศีรษะมะนาเซ เหยียดมือออกไขว้กันตามที่เห็นสมควร โยเซฟเมื่อเห็นบิดาวางมือข้างขวาไว้บนศีรษะของน้อง ก็ไม่เห็นชอบ จึงบอกบิดาว่า อย่าทำเช่นนั้น บิดาก็ไม่ยอมจึงว่า ลูกเอ๋ย เรารู้แล้ว บุตรหัวปีจะมีวงศ์วานใหญ่ แต่ว่าน้องชายเป็นใหญ่กว่าพี่ และพงศ์พันธ์ของน้องจะเป็นหลายประเทศด้วยกัน และยังบอกโยเซฟว่า ตัวท่านกำลังจะตาย แต่พระเจ้าจะอยู่กับเจ้าทั้งหลาย จะพาเจ้าทั้งหลายกลับไปสู่แผ่นดินที่บรรพบุรุษเคยอยู่แต่ก่อน.

  • ครั้งนั้นโยเซฟไปทูลฟาโรห์ ขออนุญาตให้บิดาและพี่น้องของตนได้มาอาศัยอยู่ในเมืองโคเซน ฟาโรห์ทรงอนุญาต โดยให้โยเซฟเลือกแผ่นดินอันดีที่สุดให้บิดาและพี่น้องของท่านอาศัย อีกทั้งเห็นผู้ใดมีสติปัญญาฉลาด ก็ตั้งผู้นั้นให้เป็นหัวหน้ากองเลี้ยงสัตว์ของฟาโรห์. ยาโคบก็เข้าเฝ้าฟาโรห์และกล่าวคำอวยพรให้แก่ฟาโรห์เมื่อท่านมีอายุ 130 ปี. การกันดารอาหารยังทวีขึ้นมากนัก จนชาวบ้านหิวโหย อีกทั้งเงินในแผ่นดินก็หมด จึงมาพากันขายแรงงาน และที่ดินตนเองแลกอาหาร โยเซฟได้ซื้อที่ดินเหล่านั้นเป็นของหลวงจนหมด แต่โยเซฟให้พันธุ์เมล็ดพวกเขาไปปลูก เพื่อที่จะส่งให้หลวง 1/5 และที่เหลือ 4/5 เก็บไว้เป็นของตน สำหรับเป็นพันธุ์ข้าวบ้าง สำหรับเป็นอาหารแก่ครอบครัวรับประทาน คนทั้งปวงก็ตอบว่า ท่านได้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดชีวิตแล้ว. อิสราเอลได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินอายฆุบโต 17 ปี แล้วได้เรียกโยเซฟมาให้วางมือสาบานว่า จะไม่ฝังศพของตนไว้ที่ประเทศอายฆุบโต แต่จะนำศพไปฝังไว้ที่ฝังศพบิดาของท่าน โยเซฟก็สัญญาให้.

  • อิสราเอลก็ขนทรัพย์สิ่งของทั้งปวงยกไปถึงตำบลบะเอระซาบา ก็ถวายเครื่องเผาบูชาแก่พระเจ้าแห่งยิศฮาคบิดาของตน กลางคืนวันนั้นพระเจ้าตรัสกับยิศราเอลว่า “อย่าได้กลัวที่จะไปประเทศอายฆุบโตนั้นเลย เพราะเราจะบันดาลให้เจ้าเจริญขึ้นเป็นประเทศใหญ่ที่นั่น เราจะลงไปกับเจ้าถึงอายฆุบโต เราจะพาเจ้ากลับมาอีกด้วยเป็นแน่” ยาโคบจึงพาลูกหลานชายหญิงและพงษ์พันธ์ทั้งหมดของท่านไปประเทศอายฆุบโต ในคราวนั้นร่วมบุตรของโยเซฟที่เกิดในประเทศอายฆุบโต นับคนทั้งปวงในวงศ์ของยาโคบที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศอายฆุบโตได้ 70 คน. พวกยอิสราเอลได้ลงมาอยู่ที่เมืองโคเซ็น เนื่องจากว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นคนประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ และคนที่เลี้ยงสัตว์ในเวลานั้น เป็นที่เกลียดชังแก่ชาติอายฆุบโต.

  • โยเซฟไม่สามารถอดกลั้นต่อหน้าพี่น้องได้ต่อไป จึงเปิดเผยตัวให้พี่ชายรู้จัก และโยเซฟได้ร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง จนชาติอายฆุบโตทั้งปวงในราชวังฟาโรห์ได้ยิน พวกพี่น้องของเขาตกใจกลัวต่อหน้าโยเซฟ แล้วไม่อาจตอบประการใด แต่โยเซฟได้ปลอบใจพี่ชายของเขาว่า อย่าโกรธตัวเองเพราะการที่ขายเรามา นี้เป็นด้วยพระเจ้าได้ทรงใช้เรามาข้างหน้าพวกท่าน เพื่อจะได้ช่วยชนทั้งหลายให้รอดชีวิต พระยะโฮวาทรงบันดาลให้เรามาก่อนท่านทั้งหลาย เพื่อจะได้อุปถัมภ์วงศ์ตระกูลไว้ในแผ่นดิน และช่วยให้รอดชีวิต ด้วยความอุปการะอันใหญ่หลวง ไม่ใช่ท่านทั้งหลายเป็นผู้ให้เรามา แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้มา และพระองค์ได้โปรดให้ข้าพเจ้า เป็นผู้ครอบครองแผ่นดินอายฆุบโตทั้งสิ้น. การที่พี่ชายของโยเซฟมานนั้นก็ลือไปทั่วราชวังฟาโรห์ฟาโรห์กับข้าราชการก็พากันยินดีและสั่งว่าให้เอาของบรรทุกกลับไปยังแผ่นดินขนาดอันพระบิดาและครอบครัวมาหาเราเราจะประทานของดีในแผ่นดินให้เขาจะบำรุงเลี้ยงเขาให้อุดมบริบูรณ์ โยเซฟก็ส่งพี่ชายกลับไป พร้อมด้วยให้เสื้อผ้า เงินตรา ของฝากให้บิดา และเสบียงอาหารสำหรับรับประทานในกลางทาง พร้อมสั่งพวกเขาว่า จงระวังดีๆ อย่าได้วิวาทกันในกลางทาง เมื่อพวกพี่ชายกลับมาถึงบ้านที่เมืองคะนาอัน จึงบอกบิดาว่า โยเซฟยังมีชีวิตอยู่ ได้ครองทั่วแผ่นดินอายฆุบโต แต่ ยาโคบยังไม่เชื่อ จนได้เห็นรถที่โยเซฟให้มารับตน ก็ชื่นใจขึ้นกล่าวว่า เราอิ่มใจแล้ว โยเซฟบุตรของเรายังมีชีวิตอยู่ เราจะไปหาบุตรของเราก่อนตาย.

  • โยเซฟสั่งคนต้นเรือนให้เอาจอกเงินของตนใส่ไว้ในปากกระสอบของคนน้องสุดท้อง และเมื่อคนเหล่านั้นออกไปจากเมืองยังไม่สู้ไกล ก็สั่งให้คนต้นเรือนไปตามคนเหล่านั้น และถามเขาว่า พวกท่านได้กระทำเป็นการผิด ทำไมจึงขโมยจอกเงินของเจ้านายเรา พี่ชายทั้งหลาย จึงยอมให้ตรวจค้นเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และกล่าวว่า ถ้าพบของอยู่ที่ผู้ใดให้ผู้นั้นตายเถิด และข้าพเจ้าทั้งหลายจะยอมเป็นบ่าวของเจ้านายด้วย คนต้นเรือนบอกว่า ให้เป็นไปตามนั้น ถ้าเราพบอยู่ที่ผู้ใด ผู้นั้นต้องเป็นบ่าวของเรา แต่คนที่เหลือจะหามีโทษไม่ เมื่อค้นดูตั้งแต่คนหัวปีจนถึงคนสุดท้อง ก็พบจอกเงินนั้นอยู่ในกระสอบของเบ็นยามิน เขาทั้งหลายก็พากันฉีกเสื้อผ้าแล้วเดินทางกลับไปยังบ้านของโยเซฟ ยูดากล่าวต่อโยเซฟว่า ”พวกข้าพเจ้าไม่สามารถกล่าวแก้ตัวอะไรได้ พระเจ้าทรงทราบความผิดของพวกข้าพเจ้า ดังนั้นพวกข้าพเจ้าทั้งหมดขอยอมตัวเป็นทาสของท่านกับทั้งคนที่จอกอยู่ในมือด้วย“ แม้โยเซฟจะไม่ถือโทษคนที่เหลือ แต่จะเอาคนที่มีจอกไว้เป็นทาสเท่านั้น แต่ยูดาเข้าไปใกล้โยเซฟแล้วกล่าวว่า ”ถ้ากลับไปโดยไม่มีบุตรคนนี้ บิดาผู้ชราต้องตายอย่างแน่นอน ด้วยชีวิตของบิดาติดเนื่องอยู่กับเด็กคนนี้ เหตุว่าข้าพเจ้ารับประกันน้องนี้ไว้ต่อบิดา ว่าถ้าข้าพเจ้าไม่ได้พาน้องกลับมา ข้าพเจ้าจะทนรับโทษกับบิดาต่อไปเป็นนิจ ดังนั้นขอให้ข้าพเจ้าอยู่แทนน้องนั้นเป็นบ่าวของท่าน โปรดให้น้องคนนี้กลับไปกับพวกพี่น้องเถิด เพราะถ้าน้องไม่ได้กลับไปด้วย ข้าพเจ้าจะกลับไปหาบิดาอย่างไรได้ กลัวเกลือกว่าจะเห็นอันตรายเกิดแก่บิดาข้าพเจ้า“

  • อยู่มาเมื่อเสบียงอาหารที่ซื้อมาหมดแล้ว บิดาจึงบอกแก่ลูกชายให้ไปซื้อมาอีก ยูดาตอบแกบิดาว่า ไปไม่ได้ ท่านผู้ใหญ่นั่นบัญชาเป็นเด็ดขาดว่า ถ้าไม่พาน้องชายมาด้วย จะไม่ได้เห็นหน้าเราอีก ขอท่านได้ให้เด็กนั้นไปกับฉันเพื่อจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตเป็นอยู่ ทั้งพวกฉัน และท่าน กับลูกอ่อนทั้งหลาย ข้าพเจ้ารับประกันเด็กนั้น ถ้าไม่พามาให้ท่านเห็นอีก ท่านจงลงโทษข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจะสู้ทนรับโทษนั้นเป็นนิจ ฝ่ายอิสราเอลบิดาจึงยอม กล่าวว่า ขอพระเจ้าผู้ทรงเดชานุภาพ โปรดบันดาลให้ท่านผู้ใหญ่นั้นเมตตาแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายให้ปล่อยพี่ชายกับเบ็นยามินกลับมา แม้ว่าเราจะต้องพลัดพรากจากบุตรไปก็ตามเถิด. เมื่อโยเซฟเห็นเบ็นยามินมากับพี่ชาย จึงสั่งคนต้นเรือน ให้ฆ่าสัตว์ และจัดโต๊ะเพื่อจะรับประทานอาหารด้วยกันในเวลาเที่ยง พี่ชายเหล่านั้นกลัวเพราะคิดว่าโยเซฟจะจับตัวไว้เป็นทาส เนื่องจากครั้งก่อนมาซื้อข้าว มีเงินติดไปในกระสอบด้วย จึงพากันไปหาคนต้นเรือนเพื่อจะชี้แจง ฝ่ายคนต้นเรือนจึงตอบว่า จงเป็นสุขเถิด อย่าได้กลัวเลย พระเจ้าของท่านและของบิดาท่านบันดาลให้มีเงินในกระสอบ เงินของท่านนั้นเราได้รับแล้ว. เมื่อโยเซฟกลับมาบ้าน เห็นเบ็นยามินน้องชายมารดาเดียวกัน ก็สงสารน้องนัก จึงรีบออกไปร้องไห้อยู่ในห้องใน หลังจากแข็งใจกลั้นน้ำตาล้างหน้า จึงกลับออกมารับประทานอาหารด้วยกันกับพี่น้องของตน โดยส่งเครื่องรับประทานให้พี่ชายเหล่านั้นแต่ ของส่งให้เบ็นยามินนั้นมากกว่าพี่ชายห้าเท่า.

  • ยาโคบได้ยินว่ามีข้าวอยู่ในประเทศอายฆุบโต จึงใช้พี่ชายของโยเซฟ 10 คนให้ลงไปซื้อข้าวแต่เบ็นยามินน้องชายโยเซฟ ยาโคบไม่ให้ไปกับพี่ชาย ด้วยกลัวจะเกิดอันตราย เมื่อไปถึงที่นั่น โยเซฟจำพี่ชายได้ แต่พี่ชายจำโยเซฟไม่ได้ โยเซฟจึงกล่าวว่า จงทำดังนี้ก็จะได้มีชีวิต ด้วยเราเกรงกลัวพระเจ้า จงให้คนหนึ่งในพวกเจ้าอยู่กับเรา และให้เจ้าทั้งหลายนำข้าวกลับไปให้คนที่บ้าน และพาน้องสุดท้องมาให้เราที่นี่ เพื่อเราจะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ไม่ได้เป็นคนสอดแนม โยเซฟจึงบัญชาสั่งให้บ่าว ใส่ข้าวในกระสอบให้เต็ม และนำเงินที่นำมาซื้อข้าวนั้น ใส่ไว้ในกระสอบทุกคนด้วย และให้เสบียงอาหารไปกินกลางทาง ฝ่ายบิดาเมื่อได้ยินจึงรู้สึกขัดใจและว่า พวกเจ้าทำให้เราพลัดพรากจากลูกของเรา โยเซฟก็ตายแล้ว ซีโมนก็ต้องพรากไปเจ้า จะเอาเบ็นยามินไปเสียอีกหรือ รูเบนบอกบิดาว่า ถ้าข้าพเจ้าไม่พาเบ็นยามินมาให้ท่านอีก ท่านจงเอาบุตรชายทั้งสองคนของข้าพเจ้าฆ่าเสีย บิดาบอกว่า เราไม่ยอมให้เบ็นยามินไปกับเจ้า ถ้าเกิดอันตรายแก่ลูกเรา เจ้าจะพาผมหงอกของเราลงสู่หลุมฝังศพด้วยความทุกข์

  • อยู่มาได้สองปี กษัตริย์ฟาโรห์ฝันถึงสองครั้ง ครั้นรุ่งเช้า พระองค์มีพระทัยโศกเศร้า รับสั่งให้หาคนมีปัญญาและโหรทั้งประเทศมาเฝ้า และเล่าฝันนั้นให้เค้าฟัง แต่ไม่มีผู้ใดจะแก้ฝันนั้นได้ เจ้าพนักงานน้ำองุ่นจึงระลึกถึงโยเซฟ จึงกราบทูลต่อฟาโรว่า ชายผู้นี้สามารถแก้ฝันให้ข้าพเจ้า แล้วอยู่มาก็เป็นไปตามคำแก้ของชายนั้นทุกประการ ฟาโรห์รับสั่งให้หาโยเซฟมา แล้วได้ตรัสว่า เราได้ยินว่าเจ้าเข้าใจแก้ฝันได้ โยเซฟจึงทูลว่า ข้าพเจ้าจะแก้ฝันเองไม่ได้ พระเจ้าจะทรงโปรดแก้ เพื่อให้กษัตริย์คลายวิตก ฟาโรห์จึงเล่านิมิตให้โยเซฟฟัง และโยเซฟจึงแก้ฝันพร้อมวิธีรับมือให้ โยเซฟกล่าวว่า ที่กษัตริย์ทรงฝันเห็นสองครั้งนั้น เพราะพระเจ้าจะทรงให้บังเกิดแน่นอน และในเร็วๆนี้ด้วย เหตุฉะนั้นให้หาคนที่มีความคิดดี ตั้งไว้ให้ดูแลทั่วแผ่นดิน ให้จัดเก็บผลไว้ส่วนหนึ่งในห้าส่วนทั่วแผ่นดินตลอดเจ็ดปีที่บริบูรณ์ เพื่อจะได้มีเสบียงเลี้ยงแผ่นดินในระหว่างเจ็ดปีที่เกิดกันดารอาหาร ฟาโรห์จึงว่า เราจะหาคนที่มีพระวิญญาณพระเจ้าอยู่ในตัว เหมือนคนนี้ได้หรือ ท่านจึงได้ตั้งให้โยเซฟเป็นใหญ่ในราชวัง และให้พลไพร่ทั้งปวงอยู่ในบังคับบัญชาของท่าน โยเซฟมีบุตรสองคน ชื่อมะนาเซ และเอ็ฟรายิม ครั้งเจ็ดปีที่บริบูรณ์ล่วงไป ก็เกิดกันดารอาหารเจ็ดปีเหมือนโยเซฟได้ทำนายไว้ การกันดารนั้นเกิดทั่วแผ่นดินต่างๆ เว้นแต่ในแผ่นดินอายฆุบโตยังมีอาหารอยู่

  • เจ้าพนักงานน้ำองุ่นและเจ้าพนักงานเครื่องเสวยของกษัตริย์ฟาโรห์ ได้ทำผิดต่อกษัตริย์ฟาโรห์ก็กริ้ว จึงรับสั่งให้จำไว้ในคุกของผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ที่โยเซฟติดอยู่นั้น ผู้บัญชาการทหารได้สั่งให้โยเซฟดูแลเจ้าหน้าที่สองคนนั้น โยเซฟก็ได้ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานทั้งสองคนนั้นได้ฝันเห็นในคืนวันเดียวกัน ครั้นเวลาเช้า โยเซฟได้ไปหา เห็นมีหน้าโศกเศร้า จึงสอบถามและกล่าวว่า “อันจะแก้ฝันนั้น เป็นการของพระเจ้าไม่ใช่หรือ ขอท่านเล่าให้ข้าฟังเถิด” เจ้าพนักงานน้ำองุ่นก็เล่าความฝันและโยเซฟก็ได้แก้ฝันนั้นให้ และกล่าวว่า เมื่อท่านมีความสุขแล้ว ขอให้ระลึกถึงและแสดงความเมตตาปรานีแก่ข้าพเจ้า ช่วยทูลกษัตริย์ฟาโรห์ ให้ข้าพเจ้าได้ออกจากคุกมืดนี้ แล้วเจ้าหน้าที่เครื่องเสวยก็ได้เล่าให้โยเซฟฟังด้วย โยเซฟก็ได้แก้ฝันให้ ครั้นถึงวันที่สาม เจ้าหน้าที่ทั้งสองก็ได้ถูกปล่อยตัว และแต่ละคน ก็ได้เป็นไปตามคำแก้ฝันของโยเซฟทุกประการ ฝ่ายเจ้าหน้าที่น้ำองุ่นนั้นก็ลืมโยเซฟเสีย มิได้ระลึกถึงเลย.

  • โยเซฟถูกขายเป็นทาสให้กับโพติฟาซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์แห่งกษัตริย์ฟาโรห์ พระยะโฮวาได้สถิตอยู่กับโยเซฟ และนายก็เห็นว่า พระยะโฮวาทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ ด้วยพระองค์ทรงบันดาลให้การงานที่กระทำ เจริญขึ้นมากในมือของโยเซฟ และพระยะโฮวาก็ได้อวยพระพรให้แก่ครอบครัวของคนชาติอายฆุบโตเพราะโยเซฟนั้น ทั้งได้อวยพระพรให้สิ่งของทั้งปวงในเรือนและในนาเจริญขึ้น คราวนั้นภรรยาของโพติฟาพยายามชวนโยเซฟให้มานอนด้วยกัน แต่โยเซฟได้ปฏิเสธและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะทำผิดดังนี้อย่างไรได้ เป็นบาปใหญ่หลวงนักต่อพระเจ้า” ภรรยาของโพติฟา พยายามเหนี่ยวรั้งโยเซฟไว้แต่โยเซฟก็สลัดเสื้อผ้าไว้ในมือของนางหนีไปข้างนอก นางจึงไปเท็จทูลกับโพติฟา ว่าโยเซฟพยายามจะทำหยาบคายแก่ตน นายนั้นก็โกรธ จึงจับโยเซฟไปจำไว้ในคุกหลวง แต่ว่าพระยะ โฮวาทรงสถิตอยู่ด้วย ได้ทรงบันดาลให้ผู้คุมเมตตาปราณีกับโยเซฟ และได้มอบคนนักโทษทั้งปวงไว้ในมือโยเซฟให้เขาดูแล นายผู้คุมคุกก็ไม่ต้องดูแลการงานใดๆ เพราะพระยะโฮวาอยู่ด้วยโยเซฟ และบันดาลให้การงานที่กระทำนั้นเจริญขึ้น

  • ประวัติของโยเซฟ อิสราเอลบิดาได้รักโยเซฟมากกว่าบุตรทั้งหลาย พี่ชายเห็นว่าบิดารักโยเซฟมาก ก็พากันชังโยเซฟ หาผู้ดีต่อโยเซฟไม่ โยเซฟได้นิมิตฝันว่าฟ่อนข้าวของตัวเองตั้งขึ้นยืนอยู่ แต่ฟ่อนข้าวของพี่ชายมาแวดล้อมกราบไหว้ และนิมิตฝันอีกครั้งหนึ่งว่า เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว 11 ดวงได้กราบไหว้ตัวเอง พี่ชายก็อิจฉาโยเซฟ ส่วนบิดานิ่งตรองอยู่ในใจ ฝ่ายพี่ชายหาเหตุคิดปองร้ายจะฆ่าโยเซฟ แต่สุดท้าย ขายให้แก่พวกอิสราเอล แล้วทำหลักฐานว่าโยเซฟถูกสัตว์ร้ายกัดกิน ฝ่ายโยเซฟถูกขายไว้กับขุนนางผู้หนึ่งชื่อโพติฟา ณ. เมืองอายฆุบโต