Episodi

  • ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "คุณจะรู้จักคนหนึ่งได้ดี ถ้าคุณคาดการณ์ได้แม่นยำถึงช่วงที่เขามีปฏิกิริยาอย่างไรกับความเครียดของเขาเอง"

    - ชีวิตที่ดีที่สุดอาจจะไม่มีอยู่จริง มันจะมีแต่ชีวิตที่มีสติมากที่สุดเท่านั้นเอง

    - ความเครียดจะเปรียบเป็นเหมือนตัวปัญหา แต่การรับมือกับความเครียดของเราจะเหมือนเครื่องมือในการแก้ปัญหา

    - ลองคาดการณ์ผู้คนที่เขากำลังประสบปัญหาอยู่ แล้วดูท่าทีว่าเขาเหล่านั้นกำลังแก้ไขปัญหานั้นอย่างไรบ้าง

    - เมื่อตัวการของปัญหามิใช่ตัวปัญหาเอง แต่เป็นตัวของเราเองเสียมากกว่าที่จะต้องใช้สติปัญญาในการจัดการมัน

    - เมื่อชีวิตมาบอกกับเราว่า ให้เราสังเกตตัวเอง และอย่าลืมเรียนรู้จากสิ่งที่ผู้อื่นนั้นเป็นไปด้วย เช่น เขามีประสบการณ์ต่อชีวิตที่ผ่านมายังไง

  • หนังสือ The Good Life : Lessons from the World's Longest Study on Happiness ของ Robert Waldinger

    - จากคำถามมาสู่คำตอบ ในเรื่องที่ว่าชีวิตที่ดี คือสิ่งใดมันจะต้องเริ่มต้นจากอะไรบ้าง

    - คลิปที่โด่งดังใน Ted Talk 10 อันดับแรกก็คือคลิปที่ว่าด้วยเรื่องข้อมูลวิจัยหลายชั่วอายุคนที่มีอะไรเป็นปัจจัยให้ชีวิตมีความสุข

    - ความสัมพันธ์ที่ดี คือสิ่งเดียวและเป็นสิ่งแรกในการทำให้คน ๆ หนึ่งเมื่อแก่ตัวลงไปจะสามารถมีความสุขในชีวิตในระยะยาว

    - ส่วนสิ่งที่จะลดทอนความสุขในชีวิตลงไปนั่นก็คือ ความสำเร็จ ชื่อเสียง เกียรติยศ และการยอมรับที่ไม่ได้มาจากความสัมพันธ์แบบยั่งยืน

    - อย่าลืมที่จะทบทวนชีวิตที่ผ่านพ้นมา วันนี้เราได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่เปลี่ยนวิถีชีวิตไปในทางที่ดีได้ ให้น้อมนำมาปรับใช้อย่างมีวิจารณญาณเสมอ

  • Episodi mancanti?

    Fai clic qui per aggiornare il feed.

  • มีคนมาปรึกษาว่า เรามาขอความเห็นค่ะ ว่าเราควรจะให้อภัยสามี หรือควรหย่าไปใช้ชีวิตของตัวเองดีคะ ก็คือปกติเรากับสามีอยู่ด้วยกัน นิสัยสามีก็คือเป็นคนที่ไว้ใจได้ เพราะเขาไม่เจ้าชู้ คือรวม ๆ เป็นคนดีในสายตาเราและคนรอบข้างค่ะ แล้วเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน มีคนเข้ามาดูโปรไฟล์เราในติ๊กต๊อก เราก็เก็บความสงสัยไว้ ต่อมาเราก็เห็นการโอนเงินของสามีไปให้คน ๆ นึง หลายครั้งด้วยเป็นย้อนถ้วน ๆ สักพักเราก็ไปค้นหาชื่อในอินเทอร์เน็ตแต่ก็ยังไม่เจออะไรเลยคิดว่าตัวเองคงคิดมากเกินไป วันดีคืนดีจู่ ๆ เราก็ไปเจอบทความนึงแล้วรู้สึกว่ามันตรงกับสถานการณ์ของเราในตอนนี้ แถมเราก็ไปนั่งสังเกตรูปที่สามีเราถ่ายไว้ ปรากฏว่ามันเป็นมุมเดียวกับผู้หญิงที่เราเคยสงสัยว่าเป็นใคร สรุปก็คือสามีเรามีสาวที่คุยกันมาสักพักนึงแล้ว แต่เขาก็ยอมรับว่าพาสาวไปกินข้าว ไม่ได้มีอะไรเกินเลย กินข้าว ดูหนังแค่นั้น พอเราคุยกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงก็บอกว่าสามีเราเป็นลูกค้า เขาทำงานเชียร์เบียร์ แบบเหมือนแค่ไปเที่ยวกันเฉย ๆ ส่วนเงินที่โอนไปให้บ่อย ๆ ก็คือเขาแค่ยืมเงิน เราก็เลยขอให้ผู้หญิงใช้คืนแล้วส่งสลิปมาให้ดูด้วย เราโกรธมากค่ะ เพราะเราไม่เคยคิดว่าสามีเราจะทำ เพราะเราก็คิดว่าเราทำหน้าที่ของภรรยาให้ดีที่สุดมาตลอด เราเลยขอสามีว่า ถ้ากลับมาก็ยังไม่ต้องกลับมาบ้าน ยังไม่อยากให้ที่บ้านรู้เรื่องนี้ คือก็เลยอยากรู้ว่าควรทำยังไงดี ส่วนเรื่องผู้หญิงครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จับได้ แต่เรื่องโกหกก็คือบ่อยมาก แถมยังปิดบังเราอีก ในใจกลัวมันจะรับไม่ไหวแล้วค่ะ

    - เมื่อเรามีข้อมูลมาทั้งหมด ก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเรายังเชื่อใจกันได้อีกไหม

    - การเลิกรากันเป็นเรื่องที่ทุกคนมีโอกาสพบเจอได้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะผ่านเรื่องราวที่รับไม่ได้หรือไม่โอเคกับสิ่งที่เจอ

    - ถ้าหากว่าแฟนเราปิดบังเรา หรือไม่กล้าพูดอะไรตรง ๆ ให้เช็คดูตัวเองว่าเราเป็นคนที่จับผิดบ่อย ขี้บ่นหรือว่าจุกจิกเกินไปไหม

    - ลองเป็นที่รับฟังให้กับแฟนเราดู บางคนก็อาจจะหลงลืมว่าพออยู่กินกันไปแล้วไม่ได้สานสัมพันธ์กันเลย

    - เปลี่ยนบรรยากาศเพื่อให้ความสัมพันธ์มันมีพื้นที่ของการพูดคุยกันดูบ้าง ลองไปต่างจังหวัดหรือว่าลองไปหากิจกรรมเพื่อความรักของเราดู

  • ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "การเป็นตัวเองนั้นคือการพยายามอย่างต่อเนื่อง มันมีทั้งผู้คนที่อยากจะมาแทนที่เรา แถมมาดึงทึ้งกับตัวตนที่เราเป็น แล้วสังคมก็มาย้ำเตือนเราอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งหมดนี้มันคือการต่อสู้เพื่อที่จะเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ทำตามอย่างที่โลกนั้นต้องการให้คุณเป็นไป"

    - ไม่มีใครที่ไม่อยากเป็นตัวเอง แต่การพบเจอตัวตนที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่ทุกคนจะพบเจอกันได้

    - โลกนี้ สังคมนี้ และครอบครัวที่เราอยู่นี้ มักจะบอกให้เราทำ เป็น หรือคิด อย่างสิ่งที่เขาเหล่านั้นต้องการ

    - วัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จอย่างมากมาย ถ้าได้เงินเดือนน้อยก็โดนดูถูก ถ้าเรียนไม่จบก็โดนปรามาส

    - ถ้าหากว่ามีคนแนะนำสั่งสอนเรา ก็ให้ลองฟังเอาไว้บ้าง เผื่อสิ่งเหล่านั้นมันจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในอนาคตของเราและผู้คนรอบข้าง

    - ทั้งนี้ การเป็นตัวของตัวเอง จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจแบบเบื้องลึกด้วย เช่น การเป็นตัวเองของเราส่งผลกระทบอย่างไรกับผู้อื่นบ้าง

  • หนังสือ Personal Finance 101: From Saving and Investing to Taxes and Loans, an Essential Primer on Personal Finance ของ Alfred Mill with Michele Cagan

    - การเงินส่วนบุคคลก็คือ การเงินที่ต้องจัดการด้วยตัวบุคคลนั้น ๆ และมีความรับผิดชอบต่อการบริหารเงินของตน

    - เรื่องแบงก์ในการฝากบัญชี ไม่ว่าจะเป็นออมทรัพย์ ฝากประจำ หรือรูปแบบอื่น เพื่อเราจะได้ให้เงินงอกเงยบ้าง

    - เรียนรู้เรื่องการสร้างเครดิต เช่น การชำระหนี้ตรงต่อเวลา เมื่อมีปัญหาในการชำระค่างวดต่าง ๆ ก็ให้แจ้งธนาคารก่อนเสมอ

    - ขอสินเชื่อเท่าที่จำเป็น บางคนมีสินเชื่อเพื่อการศึกษา บางคนมีสินเชื่อบริโภค และบัตรกดเงินสดไว้หมุนเงินยามจำเป็นก็ต้องศึกษาเอาไว้ด้วย

    - ทั้งนี้ การมีตะกร้าออมเงิน ตะกร้าสำรองเผื่อฉุกเฉิน หรือว่าตะกร้าในการทำบุญ รวมไปถึงให้พ่อและแม่ก็ย่อมจำเป็นเช่นกัน

  • มีคนมาปรึกษาว่า ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ เรากับสามีอยู่คนละประเทศ สามีเป็นคนสิงคโปร์ แต่ตอนนี้เราไม่สามารถเดินทางไปหาเขาได้ เขาเลยต้องอยู่คนเดียว เราเพิ่งจับได้ว่าสามีนอกใจ ผู้หญิงเป็นคนทักมาหาและเล่าให้ฟังว่าไปเจอกันที่คลับ เป็นผู้หญิงไทยที่ทำงานที่นั่น บอกไปนอนที่บ้านเกือบทุกวัน 2-3 เดือนแล้วและบอกว่าต้องการที่จะหย่ากับเรา แต่เราไม่มีช่องทางติดต่อกับผู้หญิงเขานะคะ พอรู้เรื่องก็รีบคุยกับสามี สรุปเขาก็ยังเลือกเราอยู่ค่ะ มันเป็นครั้งแรกที่เราเลือกที่จะให้อภัยเขาเพื่อที่ให้เขากลับมาทำหน้าที่ของสามีอีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เรานึกถึงผู้หญิงคนอื่นที่ไปนอนเตียงของเรา บ้านของเรา มันน้ำตาไหลทุกครั้ง เราไม่รู้จะลืมเรื่องนี้ยังไงดี ไม่รู้จะฮีลใจตัวเองได้จริงไหม

    - ความสัมพันธ์ระยะยาวก็เหมือนเดินทางไกล แน่นอนว่าอุปสรรคย่อมมีแต่มันอยู่ที่ว่าเราจับมือกันแน่นพอไหม

    - ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจ ผู้หญิงที่เข้ามาใหม่ย่อมรู้ว่าผู้ชายมีภรรยาแล้ว อันนั้นจะเป็นหนามยอกอกของจิตใจ

    - ปัญหาของชีวิตก็คือ เรามักจะอยากลืม แต่กลับจำ ส่วนที่อยากจำ กลับลืม โฟกัสเหตุการณ์ที่ดีถ้าเรายังคบหากันอยู่

    - ภาพจำของชีวิตเราก็มักจะมีทั้งสองสี เช่น สีขาว และสีเทา ส่วนชีวิตส่วนใหญ่มักจะเป็นสีเทา มันจึงเป็นหน้าที่เราที่ต้องผสมสีนั้นเอง

    - ความสุขในชีวิตไม่ใช่เป็นการครอบครองผู้ใดผู้หนึ่งให้ติดอยู่กับเรา เพียงแต่มันคือการที่เรามอบความสุข พื้นที่ และโอกาสให้กับคน ๆ นั้นอยู่เสมอ

  • ข้อความโพสต์จาก Mark Minervini ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ทุกนาทีในทุกวัน มันจะมีบางสิ่งที่เลวร้ายเข้ามายังที่ตัวเรา และมีบางสิ่งงดงามรอเราอยู่เสมอ มันสำคัญกว่าที่คุณจะเลือกสรรประสบการณ์ในการปรับจูนชีวิตให้ตรงกับวิถีชีวิตของคุณ"

    - เมื่อชีวิตมาบอกกับเราว่า ไม่มีอะไรได้ดังใจเราไปเสียหมด เราจึงต้องเลือกวิถีชีวิตให้ตรงกับประสบการณ์

    - บางคนมีประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ค่อยดี เขาจึงเชื่อว่าโลกจะเป็นแบบนั้นตลอดไป แต่ในความเป็นจริงหาเป็นแบบนั้นไม่

    - ปัญหาของผู้คนมักจะหลงลืมไปว่า ความจริงมักจะมีสองแง่มุมเสมอ คือดีกับไม่ดี ไม่ใช่เป็นด้านเดียวแบบสุดโต่ง

    - ถึงแม้ว่าชีวิตของเราจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีลมหายใจเพื่อเป็นโอกาสในการสร้างชีวิตของเราเอง

    - ลองปรับจูนชีวิตดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับมุมมอง ปรับทัศนคติ และปรับใจยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามา รับรู้ว่าชีวิตไม่ได้มีเฉดสีเดียวตลอดไป

  • หนังสือ The Win-Win Wealth Strategy: 7 Investments the Government Will Pay You to Make ของ Tom Wheelwright

    - การทำธุรกิจก็จำเป็นจะต้องมีภาษีนิติบุคคลมาเกี่ยวข้อง ซึ่งแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป

    - บางกรณีเราสามารถลดหย่อนภาษีได้ เช่น นำเงินที่ได้จากกำไรสุทธิไปลงทุนต่อยอด ใช้ค่าเสื่อมเป็นตัวหักภาษี หรือสร้างบริษัทโฮลดิ้ง

    - กลุ่มธุรกิจบางประเภทก็สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ เช่น ธนาคาร กลุ่มพลังงาน และบริษัทที่ร่วมนโยบายในแต่ละปีด้วย

    - สร้างการชนะไปด้วยกัน คือบริษัทเรามีกำไรเพิ่มขึ้น และก็สามารถรักษาผลประโยชน์ได้มากขึ้นตาม ก็คือการศึกษาเรื่องเศรษฐศาสตร์ควบคู่ไปด้วย

    - ทั้งนี้ อย่าลืมที่จะศึกษาเรื่องภาษีของแต่ละประเทศเอาไว้ การเลี่ยงภาษีอย่างถูกกฎหมายสามารถทำได้จริง ซึ่งจะต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษีอีกทีหนึ่งด้วย

  • มีคนมาปรึกษาว่า อยากขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ คือแฟนอายุมากกว่าเรา 15 ปี คบกันมา 6 ปีแล้ว มีความราบรื่นปกติไม่ได้มีช่วงโปรโมชัน คอยช่วยเหลือกัน อยู่ห่างกันช่วงปีแรกเพราะเราเพิ่งเรียนจบ เลยไปหางานทำ อยู่ด้วยกันในปีถัดไปก็เหมือนเดิมทุกอย่าง ความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น แต่ว่าแฟนเราไม่มีความโรแมนติกเลย ไม่มีการลงรูปหรือใด ๆ เป็นสาธารณะเลย แต่คนรอบข้างก็รู้ว่าเราสองคนคบหากัน จะมีแต่เราที่ลงเอง แต่ก็ลงแบบส่วนตัวไป แล้วเวลาอยู่ด้วยกันจะชอบพวกการวางแผนการเงินในอนาคต แต่คือเราก็ชอบคุยนะ เราก็อยากวางแผนทางการเงิน บางทีแค่รู้สึกว่ามันมากจนเกินไป หรือไม่ก็เรื่องที่มีสาระต่าง ๆ คือแทบไม่คุยเรื่องไร้สาระเลย เราก็คิดว่าแฟนน่าจะทำงานเยอะเกินไป ยังไม่เคยได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันเลย ตอนอยู่ด้วยกันนัดกันไว้ว่าจะไปที่นั่นที่นี่ แต่ก็มีเหตุให้เลื่อนนัดกันไป บางทีก็ติดลูกค้า ติดประชุม เราก็ไม่เคยโกรธอะไร แต่จู่ ๆ ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องห่างกับแฟน ปรากฏว่าเราก็ได้สนิทกับเพื่อนคนนึง เพราะเราเหงาเขาก็เลยมาชวนเราคุยบ่อย ๆ จนเรารู้สึกว่าเขามีความเป็นโรแมนติกมาก มีความคิดต่าง ๆ ตรงกัน ใช้ชีวิตใกล้ ๆ กันด้วย แต่ก็ยังไม่ได้มีอะไรเกินเลย พอเราทบทวนอีกรอบหนึ่งเราก็ขอคบเพื่อนเราไป แต่เพื่อนเราก็บอกว่าเขามีแฟนแล้ว เราก็รู้สึกเจ็บเพราะว่าก็มีใจให้เพื่อนคนนี้ แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เลิกกับแฟนนะ มันเลยมีความสับสนระหว่าง ความโรแมนติกกับความมั่นคงในชีวิต ควรจะเลือกอันไหนดี แล้วมีเหตุผลในการประกอบการตัดสินใจยังไงบ้าง

    - ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนอื่น หรือเงื่อนไขใด ๆ แต่ปัญหาอยู่ที่ใจของเราทั้งหมดเลย

    - ถ้าเราตัดตัวเลือกทั้งหมด แล้วกลับมาทบทวนที่ตัวเราเอง ถามตัวเองว่าถ้าให้เราเลือกข้อเดียว เราจะเลือกอะไร

    - ไม่มีสิ่งใดดีที่สุด หรือไร้ที่ติที่สุด เราทุกคนมีโจทย์ที่แตกต่างกัน เราจึงต้องทำหน้าที่นั้นด้วยใจอันซื่อตรง

    - ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเราคบกับแฟนแล้ว แต่แฟนไม่มีเวลาก็ต้องตัดสินใจเลือกว่า จะไปต่อหรือพอแค่นี้

    - การมีเพื่อนก็เป็นสิ่งที่ดี ผู้คนมากมายก้าวข้ามผ่านปัญหาต่าง ๆ ได้ก็เพราะมีคนที่คอยช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ เรา แต่เราไม่ควรข้ามกำแพงสถานะไปเพียงเพราะความเหงา

  • ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ขณะที่ผู้คนกำลังต้องการคำแนะนำที่ดี เขาเพียงแค่ต้องการคำแนะนำที่ฟังดูดีเท่านั้น - Jason Zweig"

    - บางคนเขาก็อาจจะไม่ได้อยากฟังคำแนะนำที่ดี ในแบบฉบับของคำว่าดีจริง ๆ ด้วยซ้ำไป

    - แต่กลับกลายเป็นเขาต้องการคำแนะนำที่ฟังดูดีเพียงเท่านั้น ที่ทำให้เขารู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตที่เป็นอยู่ต่อไป

    - การหาข้อมูลเพื่อมายืนยันความคิดเดิม หรือที่เรียกว่า Confirmation Bias ก็จึงเป็นสิ่งที่แก้ไขยากพอสมควร

    - คำแนะนำที่ดีก็คือ คำแนะนำที่สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตได้จริง พร้อมกับสามารถแก้ไขปัญหาในระดับแก่นของปัญหา

    - ทั้งนี้ การที่เราชอบคำชื่นชมเป็นสิ่งที่ปกติ แต่การที่เราเป็นของเราอย่างนี้ แล้วยังอยากได้คำชม แบบนี้ไม่เรียกว่าการชื่นชมที่ดี

  • หนังสือ How to Heal Toxic Thoughts: Simple Tools for Personal Transformation ของ Sandra Ingerman

    - การกำหนดนิยามคำว่า ความคิดเป็นพิษ (Toxic Thoughts) จะต้องแม่นยำและจดจำอย่างง่ายดาย

    - ให้ลองเปลี่ยนจากความเป็นพิษ เป็นสิ่งที่เราคิด พูดหรือกระทำต่าง ๆ นั้นเป็นไปเพื่อสิ่งใด เพื่อตัวเราเองหรือเพื่อคนอื่น

    - หากเราลองสังเกตความคิดตัวเองในแต่ละวัน เราจะค้นพบว่า การกระหายในความสุข ความสำเร็จ รวมไปถึงอยากให้ผู้คนมาสนใจเป็นสิ่งที่เป็นพิษ

    - ลองกำหนดสติ ตื่นรู้ ไม่ว่าจะเป็นลมหายใจ ชีวิตประจำวัน การลองจดบันทึกความคิด รวมถึงการปรึกษาผู้ที่เป็นคนที่สามารถให้คำปรึกษาที่ถูกต้องได้

    - ทั้งนี้ การเยียวยาความเป็นพิษ อาจจะต้องใช้ยารักษา และใช้ความเป็นพิษนั้นเองเป็นกระจกส่องใจว่า เรากำลังมีความคิดที่เป็นพิษอยู่รึเปล่า

  • มีคนมาปรึกษาว่า ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ คือเราเป็นหัวหน้าแล้วเรารู้สึกว่าลูกน้องไม่ค่อยให้ความเกรงใจเราเลย เราอาจจะเล่นกับน้องเยอะไป จนน้องลืมเกรงใจเราไปบ้าง จนทำให้เราเดือดร้อนมาหลายครั้ง ตอนนี้ไม่รู้จะพูดยังไงให้น้องเข้าใจและรับฟัง รวมไปถึงเกรงใจเราบ้าง คือเรามีอุดมคติว่าไม่อยากเป็นหัวหน้าที่วีนใส่ลูกน้อง ต้องทำยังไงดีคะ

    - เมื่อเราเป็นหัวหน้า นั่นแปลว่าเราต้องสวมบทบาทของผู้ดูแล ผู้คุมเกม หรือผู้รักษาผลประโยชน์ พระเดชก็ต้องมี พระคุณก็ต้องได้

    - ซึ่งมันจะเป็นความยากอย่างยิ่ง ถ้าเราวางตัวผิด แน่นอนว่าการเป็นหัวหน้าที่ดีต้องคุมทุกสิ่ง มันจึงต้องมาพร้อมกับการวางระบบให้ชัดเจน

    - การเล่นกับผู้คนสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา รวมถึงการที่เราคิดว่าเราจะแยกแยะโหมดให้ชัดเจนก็พอช่วยได้ในระดับหนึ่ง

    - ลองชั่งน้ำหนักดูว่า การที่เราจริงจังใส่ลูกน้องมันคืออะไร และการที่เราติดตลกมันคืออะไร เพราะการมีอารมณ์ขันไม่ได้แปลว่าจะต้องคุมคนไม่ได้

    - ทั้งนี้ ความเชื่อที่ว่าไม่อยากเป็นหัวหน้าที่วีนใส่ลูกน้อง ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่เรื่องบางเรื่อง เคสบางเคสก็จำเป็นจะต้องวีนบ้าง แต่วีนอย่างไรให้มีเหตุผล

  • ข้อความโพสต์จาก Morgan Housel ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ถ้าคุณมีผลประโยชน์จริง ๆ จงแสดงให้เห็นว่าฉันรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน - ผู้จัดการโรงแรมชาวโปแลนด์"

    - เมื่อเรามีผลประโยชน์ เราก็ต้องสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้คน เพื่อให้ชีวิตนั้นทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น

    - บางคนอาจจะคิดว่าสิ่งที่เราเป็นประโยชน์ จะทำให้ผู้คนรู้สึกได้รับบางสิ่งกลับไป สิ่งนั้นเป็นความคิดที่ผิด

    - ต้องสอบถาม ไถ่ถาม และสังเกตดูว่า บุคคลที่ได้รับประโยชน์เขามีความสุข หรือเพลิดเพลินจริง ๆ ไหม

    - บางครั้งการยัดเยียดความคิดที่เราคิดเองคนเดียวว่า มันเป็นสิ่งที่ดีก็มิอาจจะนำไปช่วยให้อีกคนหนึ่งรู้สึกดีตามได้ทั้งหมด

    - มีสติในการรักษาผลประโยชน์ให้มากที่สุด จงทำตัวเองให้มีคุณค่า และอย่าลืมหาความหมายของชีวิตเพื่อกำหนดอัตลักษณ์ตัวตน

  • หนังสือ Losing Eden: Why Our Minds Need the Wild ของ Lucy Jones

    - เสียงของธรรมชาติ เช่น น้ำตก ลำธาร ต้นไม้ใบหญ้า รวมไปถึงการเข้าไปสู่ธรรมชาติเป็นสิ่งที่จำเป็น

    - การอาบป่าก็คือ การเข้าไปอยู่ในจุดที่เราสบายที่สุด และความวุ่นวายน้อยลงอย่างมาก เพื่อการกลับมาอยู่กับตัวเอง

    - โลกใบนี้ทำทุกอย่างให้มันเร่งรีบ แต่ใจเรานั้นต้องหาจุดสมดุล เพื่อที่จะเดินหน้าไปต่อในสังคมที่แสนจะโกลาหล

    - โอบกอดกับตัวเองบ้าง เพื่อที่จะได้รู้ว่าธรรมชาติก็ไม่ได้ทอดทิ้งเราไปไหน หากวันใดที่เราโหยหาบางสิ่งที่ขาดหายไป

    - ทั้งนี้ อย่าลืมการเชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิตอื่น นอกจากวัตถุ สิ่งของ หรือว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เราทุกข์ใจ เพื่อให้ได้แง่มุมอื่นด้วยเสมอ

  • มีคนมาปรึกษาว่า คือหนูมีแพลนไปเรียนที่กรุงเทพ แล้วก็อาจจะไปอยู่แถวละแวกรังสิต และด้วยความที่ผู้ปกครองอยากให้หนูใช้ชีวิตสะดวกสบาย ไม่อยากให้เราเดินทางไปเรียนลำบาก จึงได้มีการดูรถยนต์ไว้ให้แล้วตอนนี้ก็ทำการจองแล้วเรียบร้อย แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง แถมการเงินที่บ้านก็ไม่ค่อยดีเหมือนเมื่อก่อน หนูจึงคิดได้ว่า มันไม่จำเป็นขนาดนั้นที่ต้องมีรถก็ได้ หรือซื้อมือสองแทนก็ยังดี เพราะถ้าหากหนูไปเรียนที่กรุงเทพ ก็คงจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้นตาม ก็เลยมีความรู้สึกสงสารครอบครัวที่ต้องมีภาระเพิ่ม แบบนี้หนูคิดถูกไหมคะ

    - การคิดถึงผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่บางทีพ่อแม่เขาคิดว่าเขาไหวในการเป็นหนี้เพื่อเรา ก็อาจจะต้องลองดูสักตั้ง

    - ลองคุยกับผู้ปกครองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เราได้บอกความรู้สึกข้างในว่าระบบการเดินทางที่กรุงเทพก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น

    - การมีรถยนต์หนึ่งคัน ก็อาจจะต้องมาพร้อมทั้งค่าน้ำมัน ค่าชาร์จไฟฟ้า รวมไปถึงค่าซ่อมบำรุงอีกมาก นี่คืออีกแง่มุมหนึ่งในการตัดสินใจ

    - ปัญหาของการเงินก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการใช้ชีวิต มันคือเชื้อเพลิงที่ทำให้ชีวิตโดยรวมขับเคลื่อน โฟกัสที่ตรงนี้ก่อนก็ได้เช่นกัน

    - ทั้งนี้ พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็มักจะมีความเป็นห่วงลูก และอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะถึงจุดหนึ่งเขาอาจจะไม่ต้องมาดูแลเราเหมือนตอนนี้แล้ว

  • ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ก่อนที่เราจะถามคำถามว่า 'ฉันควรทำอะไรในวันนี้' ให้ถามตัวเองอีกคำถามแทนว่า 'อะไรคือสิ่งที่ควรจะตัดออกไปในวันนี้' มันจะเสริมสร้างพื้นที่เพื่อเพิ่มความสำเร็จได้"

    - คำถามที่ดีที่สุด จะต้องมาจากการตื่นรู้ของจิตวิญญาณ เหมือนเราแสวงหาตัวตนพร้อมกับคลายปมของปัญหา

    - บางทีการเพิ่มสิ่งที่ทำก็อาจจะมาถึงทางตัน เราจึงต้องตัดทิ้ง ลดทอนบางสิ่งลงไปบ้าง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับชีวิตต่อไป

    - พื้นที่ของชีวิตจะเป็นตัวนำมาซึ่งโอกาสของชีวิต เพราะมีผู้คนมากมายที่ลดพื้นที่ของตัวเองโดยการทำอะไรมากมายเกินความจำเป็น

    - ถ้าเราลองคัดกรองการกระทำของเราในแต่ละวัน เราจะค้นพบเลยว่า วัน ๆ เราอาจจะทำสิ่งที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์ มากกว่าก่อเกิดประโยชน์ในระยะยาว

    - ทั้งนี้ ลองตั้งข้อสังเกตและตั้งแง่กับสิ่งที่ตัวเองทำ ว่ามันจะเกิดผลลัพธ์เป็นอย่างไร แล้วติดตามผลนั้นด้วยเสมอ ไม่งั้นเราอาจจะหลงลืมสิ่งที่ทำว่าควรตัดทิ้งไปได้แล้ว

  • หนังสือ The Case for Long-Term Value Investing: A guide to the data and strategies that drive stock market success ของ Jim Cullen

    - กองทุน Schafer Cullen เป็นกองทุนที่ยึดหลักอยู่ข้อเดียวคือ การลงทุนตามหลักของพื้นฐานที่ดีและมีอนาคต

    - ปรัชญาในการลงทุนของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน แต่สำหรับคนที่ต้องการลงทุนระยะยาว สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้คือรู้จักการบริหารเงิน

    - บริษัทใดที่บริหารเงินได้ย่ำแย่ติดต่อกันยาวนานเกิน 3 ปี แสดงว่าผู้บริหารนั้นไม่ได้ใส่ใจในบริษัท และขาดความรู้ทางการเงิน

    - หุ้นปันผล และหุ้นที่มีมูลค่าบริษัทไม่เกิน 1,000 ล้านบาทยังถือว่าเป็นหุ้นที่ยังลงทุนได้ตลอด เน้นความต่อเนื่องไม่เน้นการเติบโต

    - การจัดการ การบริหาร และการปรับตัว ย่อมเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด แล้วก็ยังเป็นแบบนั้นสืบมา จงลงทุนในบริษัทที่ดีต่อเนื่องยาวนานกว่า 5 ปีขึ้นไป

  • มีคนมาปรึกษาว่า คือตอนนี้เราตั้งครรภ์ได้ประมาณ 3 เดือน แล้วต้องเดินทางไปทำงาน ด้วยรถไฟฟ้าทุกวันค่ะ แต่ตอนนี้ท้องก็ไม่ได้ยื่นออกมา แต่เวลายืนนาน ๆ ค่อนข้างเมื่อยและปวดหลังหน่วง ๆ ค่ะ เราก็เลยมองหาที่นั่งที่สำหรับ Priority Seat แต่ก็ไม่มีสำรองไว้ให้เลย เพราะทุกคนก็นั่งกันหมด ตอนช่วงแรก ๆ ก็เข้าใจนะคะว่าทุกคนคงเมื่อย เหมือนเรานั่นแหละ แต่หลัง ๆ จะมองว่าที่นั่งเหล่านั้นมีแต่คนสูงวัย คนพิการไหม แต่กลับกลายเป็นคนปกติ วัยทำงาน บ้างก็ป้า ๆ ลุง ๆ ไม่ได้แก่มาก แล้วมาพักหลังเราก็ติดเข็มกลัดเอาค่ะ เผื่อจะได้นั่งบ้าง ปรึกษาแฟน รวมถึงเพื่อนที่ทำงาน เขาก็บอกว่าให้เปลี่ยนการแต่งตัว แต่ผลปรากฏว่าผลก็เหมือนเดิมค่ะ บ้างก็บอกว่าพูดไปตรง ๆ เลยว่า ท้องค่ะขอนั่งได้ไหมคะ ส่วนใหญ่ก็จะได้นั่งจากคนที่เขาสังเกตว่าเราท้อง บ้างก็มีเรียกเราไปนั่งเองเลย เราก็รู้สึกขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ก็เลยอยากปรึกษาค่ะว่า เราควรจะใช้คำพูดยังไงดี กับคนที่นั่งเก้าอี้คนพิเศษ เพื่อขอเขานั่ง หรือเราต้องทำใจดีคะ อาจจะคิดมากหน่อย ไม่ค่อยกล้าพูดและท้องแรกค่ะ

    - วัฒนธรรมของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน บ้านเมืองอื่นอาจจะสำรองที่นั่งพิเศษเอาไว้จริงจัง แต่ประเทศไทยอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น

    - ให้พูดออกไปเลยตรง ๆ เพราะวัฒนธรรมไทยสามารถคุยได้ แต่ก็อาจจะมีปัญหาบ้างบางครั้ง ให้เผื่อใจเอาไว้ด้วยส่วนหนึ่ง

    - ที่นั่งพิเศษ (Priority Seat) มีไว้สำหรับบุคคลที่จำเป็นจะต้องนั่งเพราะความจำเป็นจริง ๆ แต่ก็จะมีคนที่ไปนั่งเพราะเห็นว่าไม่มีใครนั่ง

    - ถ้าเราเป็นคนปากหนัก ไม่ค่อยพูด แสดงว่าปัญหาของเราก็จะไม่มีใครรับรู้ อย่างน้อยการพูดออกไปก็ดีกว่าการไม่พูด แต่คนส่วนใหญ่มักจะคาดหวังเมื่อพูดออกไป

    - ทั้งนี้ ความผิดพลาดหรือความถูกต้อง อาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความคิดเรา แต่ให้คิดว่าเราต้องการสิ่งใด แล้วเราจะสื่อสารอย่างไรจะดีที่สุด มันจะดีกว่าการคิดมาก

  • ข้อความโพสต์จาก Ryan Holiday ได้เขียนข้อความไว้ว่า "จงสร้างชีวิตเพื่อที่คุณจะไม่ต้องหนีจากมันไป"

    - ให้จำลองความคิดว่า เราจะทำชีวิตให้เป็นอย่างไรเพื่อให้เรามองย้อนกลับมาแล้วไม่เสียใจ

    - ผู้คนส่วนมากมักจะเสียอกเสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำลงไป เพียงเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดใน ณ จุดนั้น

    - จงตระหนักว่า ชีวิตไม่มีทางสมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด ให้เราทำดีที่สุดในความรู้สึก ประสบการณ์ของช่วงเวลานั้น ๆ พอ

    - หาเรื่องทำที่ให้ตัวเองได้ภูมิใจบ้าง ไม่ต้องมีเรื่องที่ทรงคุณค่ามากมาย แต่อย่างน้อยปีละหนึ่งเรื่องก็พอแล้ว

    - ทั้งนี้ การใช้ชีวิตเหมือนกับการปรุงอาหาร มันไม่ใช่ว่าต้องเด่นรสใดรสหนึ่ง แต่ทำอย่างไรก็ได้ให้กลมกล่อมมากที่สุด

  • หนังสือ 8 Rules of Love: How to Find It, Keep It, and Let It Go ของ Jay Shetty

    - ตำนานของความรักก็คือตำนานที่ว่าด้วยเรื่อง การครองคู่อย่างไรให้มีความสุขสมบูรณ์

    - 8 กฎของความรักเป็นกฎที่ว่าด้วยเรื่อง การสร้างความสัมพันธ์ของมนุษย์ให้ยั่งยืน แล้วเป็นการชนะใจตนเอง

    - ปล่อยตัวเองให้อยู่คนเดียว ไม่เอาตัวเองปล่อยไปตามกระแสกรรม กำหนดนิยามคำว่ารักให้ออก

    - คู่ชีวิตคือครู เป้าหมายจะต้องเปิดขึ้นมาก่อน ชนะหรือพ่ายแพ้ไปด้วยกัน ความจบความสัมพันธ์เป็นแค่แง่มุมหนึ่ง และรักอย่างที่ให้รักนั้นเป็นไป

    - คัมภีร์พระเวท เป็นคัมภีร์ก่อนสมัยพุทธกาลที่ว่าด้วยเรื่องชนชั้นวรรณะที่จะได้ศึกษาร่ำเรียนกัน ซึ่งชาวอินเดียจะเป็นผู้สืบทอดมาอย่างยาวนาน